ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งมีนายพิชัยชุนหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการยุบ หรือควบรวมรัฐวิสาหกิจที่มีบทบาทซ้ำซ้อนกัน มีผลประกอบขาดทุน ซึ่งจำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อให้องค์กรเกิดความคล่องตัว อยู่รอดได้มากที่สุด อาทิ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านคลังสินค้า และดูแลตลาดสินค้าเกษตร ซึ่งมีอยู่หลายวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้ทั้งสังกัดกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่คล้ายคลึงกัน
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ให้ไปศึกษาทบทวน โดยมีรัฐวิสาหกิจที่เข้าข่ายต้องทบทวนแผนและบทบาท 8 แห่ง ได้แก่ 1.องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร 2.องค์การคลังสินค้า 3.องค์การตลาด 4.โรงพิมพ์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5.โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต6.องค์การสุรา กรมสรรพสามิต 7.บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด และ 8.บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) และหลังจากนี้ต้องนำผลศึกษาเสนอกลับมาควรปรับตัว ยุบ หรือควบรวมกิจการหรือไม่
ด้านนายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้ติดตามความคืบหน้าการจัดทำข้อเสนอในการทบทวนบทบาทของรัฐวิสาหกิจและกระทรวงเจ้าสังกัดจำนวน8 แห่ง โดยให้เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายทางการเงินตามที่ได้มีการเสนอ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับติดตามและให้รัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ คนร. มีข้อสังเกตให้กระทรวงเจ้าสังกัด และ สคร. ร่วมกันพิจารณาการกำหนดบทบาทรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงแนวทางการบูรณาการด้านภารกิจ ลดการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน รวมถึงกำหนดสถานะขององค์กรที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินการตามภารกิจต่อไป
นอกจากนี้ เห็นชอบในหลักการของร่างประกาศ คนร. เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอ การดำเนินมาตรการและการขอรับการจัดสรรเงินชดเชยของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. …. และรับทราบร่างประกาศ สคร. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำบัญชี วิธีการคำนวณวงเงินชดเชย และการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน พ.ศ. …. เพื่อให้รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินมาตรการที่เป็นนโยบายรัฐตามแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจมีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนในการขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาล นอกจากนี้ มีมติเห็นชอบในหลักการการร่วมทุนของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ในบริษัท ฟิ้วซ์ โพสต์ จำกัด เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของ ปณท ใน ฟิ้วซ์ เพื่อช่วยให้การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของ ปณท เกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะเดียวกัน คนร. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการประจำปี 66 ของรัฐวิสาหกิจจำนวน 52 แห่ง และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับติดตามการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจตามหมุดหมายหลักตามแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ ปี 66 – 70 อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโครงการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายและมีวงเงินดำเนินการหรือลงทุนที่ค่อนข้างสูง รวมถึงรับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ52 แห่ง โดยในภาพรวมมีผลการดำเนินงานด้านการเงินและไม่ใช่การเงินและด้านการบริหารจัดการองค์กร ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังรับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ณ สิ้นปี 66 จำนวน 90 แห่ง โดย คนร. ให้รัฐวิสาหกิจเร่งแก้ไขปัญหาบริษัทในเครือที่ขาดทุน และถอนการลงทุนในบริษัทในเครือที่ไม่จำเป็น