เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. 67 ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 แถลงข่าวการจับกุม น.ส.ปาริฉัตต์ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และข้อหาเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตัวเองโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญา ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ หลังตำรวจสืบสวนจนทราบว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกให้นางสาวชาล็อต ออสติน โอนเข้าบัญชี 4 ล้านบาท

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า หลังสืบสวนพบว่ามีความเกี่ยวข้องเชี่อมโยงกับบัญชีที่นางงามคนดัง นางสาวชาล็อต ออสติน โอนเงินไปยังบัญชีของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยโอนเข้าบัญชีของผู้ต้องหารายนี้ จากนั้นคนร้ายได้โอนไปตามบัญชีม้าแถว 2 และแถว 3 ตามลำดับ โดยก่อนวันที่นางสาวชาล็อตจะถูกหลอกให้โอนเงิน ผู้ต้องหาได้ไปเปิดบัญชี 5 เล่ม และได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อสแกนใบหน้า

สอดรับกับ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาถูกสามีชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้พิเศษ โดยมีค่าตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ต่อมาผู้ว่าจ้างได้เดินทางมาที่บ้านเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชี ก่อนจะแจ้งว่าตัวเองและสามีต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา 2 วัน ซึ่งในวันเดินทางได้มีรถแท็กซี่ 2 คัน มารับที่บ้าน โดยภายในรถยังมีบุคคลอื่นที่รับจ้างเปิดบัญชีร่วมเดินทางไปด้วย เมื่อถึงบริเวณตลาดคลองเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ได้มีรถจักรยานยนต์มารับเพื่อพาไปส่งยังจุดข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 10 นาที ก็เดินทางถึงประเทศกัมพูชาและมีกลุ่มคนมารับไปส่งยังอาคารแห่งหนึ่ง ภายในอาคารดังกล่าวผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่ามีคนไทยประมาณ 20 คนอาศัยอยู่ภายในโดยมีคนจีนเป็นผู้ดูแล โดยชั้นบนของอาคารมีการสร้างห้องจำลองอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อใช้สำหรับวิดีโอคอลหลอกผู้เสียหายให้โอนเงิน ส่วนตัวผู้เสียหายนั้นถูกขังอยู่ในห้องก่อนจะถูกเรียกให้ออกไปสแกนใบหน้า ผ่านบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็จะได้รับเงินสดเป็นค่าตอบแทนและถูกส่งตัวกลับประเทศไทยผ่านช่องทางเดิม ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจมีข้อมูลหมดแล้วและได้มีการดำเนินการออกหมายจับบรรดาบัญชีม้าไปมากกว่า 400 หมายจับ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวเสริมว่า จากการขยายผลเบื้องต้น ตำรวจพบเส้นทางการเงินที่นางสาวชาล็อต โอนไปจำนวน 4 ล้านบาท ถูกแปลงเป็นเงินดิจิทัลและโอนไปยังบัญชีปลายทางที่มีคนจีนเป็นเจ้าของ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ส่วนสามีของผู้ต้องหา ภายหลังออกข่าวก็พบว่าได้หลบหนีไปจากที่พัก แต่จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เพราะยังไม่ปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน อีกทั้งขยายผลเส้นเงินที่ นางสาวชาล็อต ออสติน ไปยังคนร้ายกลุ่มนี้ พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเคสไอดีที่แจ้งความไว้ในระบบแจ้งความออนไลน์หลายคดี โดยเฉพาะคดีของป้า-หลานอุดรฯ ที่ถูกหลอกสูญเงินกว่า 4 ล้านบาทและนางงามสาวคนดัง ในพื้นที่ สน.ลุมพินีด้วย อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานข้อมูลเพื่อทำการโอนคดีมายัง บช.สอท.เพื่อดำเนินการสืบสวนต่อไป

มีรายงานว่า จากการขยายผล พบว่านางงามสาวคนดังที่ถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกนั้น โดยนางงามคนนี้อักษรย่อ อ. อดีตมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ถูกคนร้ายโทรศัพท์ข่มขู่ในลักษณะคล้ายกันกับ นางสาวชาล็อต จนสูญเงินไป 3,795,140 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งพบว่ามีผู้เสียหายที่เป็นคนดัง กลุ่มคนมีชื่อเสียงตกเป็นเหยื่อคนร้ายกลุ่มนี้จำนวนมากกว่า 100 เคสไอดี.