งานอีเว้นท์ใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คงจะหนีไม่พ้นงานสัมมนาประจำปีของพรรคเพื่อไทย ที่รวบรวมทั้งรัฐมนตรี สส. นักการเมือง สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมกันอย่างคับคลั่ง นอกจากนี้ไฮไลท์ของการสัมมนาครั้งนี้คือการรวมดาวเด่นของพรรคเพื่อไทย คือการรวมตัวกันของ นายกรัฐมนตรี 3 คน ไม่ว่าจะเป็นตัวพ่ออย่าง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เวียนหน้าขึ้นเวทีปาฐกถา เพื่อปลุกพลังให้กับสส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้เดินหน้าทำงานสู้ต่อไป

เห็นได้ชัดว่า คำพูดทางจากนายเศรษฐาที่กินใจ และคำพูดของนายทักษิณ ที่เปรียบเสมือนพ่อประคองลูก ก็เหมือนการฮีลใจนายกฯ อิ๊งค์” หลังจาก 3 เดือนที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา ก็เจอกับมรสุมไม่ว่าจะเป็นจากภัยธรรมชาติ ภัยการเมือง ซึ่งจริงๆแล้ว ภัยการเมือง ถือว่าเป็นจุดทะลวงที่จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงรอยกัน และมีการปีนเกลียวกัน

และที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าก็มีรอยรักรอยร้าว ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยที่มีให้เห็นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายประชามติ ทำเรื่อง MOU 44 ข้อพิพาทเขากระโดง และ เรื่องไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.กลาโหม ที่งานนี้เล่นเอาตัวพ่อของขึ้น จนออกมาเบรกว่า เสี่ยหนู (นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย) อย่าหล่อเร็ว และที่สำคัญบนเวทีปาฐกถาก็มีการพูดถึง อีแอบ” โดยนายทักษิณ ได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาล อยู่ด้วยกัน ก็ต้องสู้ด้วยกัน เป็นคนเกลียดพวกอีแอบ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายยกมือเห็นด้วตรงไปตรงมาย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆหลบมือออก ไม่ได้ ต้อง​ ก็

ทำเอาคนมึนงงว่าอีแอบนั้นหมายถึงใคร แต่เมื่อสแกนจากการประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่พอไปเปิดรายชื่อดูแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าอีแอบนั้นคือใคร เพราะในวันนั้นมีผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม คือ1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย  2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน 3.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ 4.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย  5.นายอัครา พรหมเผ่า รมช. เกษตรและสหกรณ์ 6. นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รมช. ศึกษาธิการ และ 7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์   ซึ่ง นายอนุทิน ก็เดินทางเข้ามาร่วมประชุม ภายภายหลังตลอดระยะเวลา 3 เดือนของ “นายกฯอิ๊งค์” เจอมรสุมมาอย่างหนักหน่วง และหลังจากนี้ก็จะต้องรับมือกับมรสุมลูกใหญที่จะถาโถม เข้ามา “นายกฯอิ๊งค์” คงจะต้องแสดงภาวะผู้นำและรีบจัดการกับ “อีแอบ”  ที่ซ่อนตัวอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลให้อยู่หมัด ให้ได้เดินพรมแดงได้อย่างราบรื่นต่อไป