สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเกาหลีใต้จัดการประชุมวาระพิเศษ เพื่ออภิปรายและลงมติเกี่ยวกับ การถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ออกจากตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้ จากการใช้อำนาจประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลนานราว 6 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 3-4 ธ.ค. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ ฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาธิปไตย (ดีพี) เป็นผู้เสนอญัตติดังกล่าว ซึ่งต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 คืออย่างน้อย 200 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง

YTN News

การลงมติครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง หลังญัตติไม่ผ่านที่ประชุม เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากสมาชิกแทบทั้งหมดของพรรคพลังประชาชน (พีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล บอยคอตการประชุม แม้สมาชิกพรรคพีพี 3 คน ที่เข้าร่วมการประชุม ลงคะแนนสนับสนุนญัตติถอดถอน แต่เสียงสนับสนุนอยู่ที่ 195 เสียง ญัตติจึงตกไป


สำหรับการลงมติครั้งใหม่นี้ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 204 เสียง คัดค้าน 85 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และบัตรเสีย 8 ใบ ซึ่งการที่เสียงสนับสนุนเกินสองในสาม หมายความว่า ยุนต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดี และให้นายฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรี รักษาการแทน

หลังจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาญัตติถอดถอน ภายในระยะเวลา 180 วัน หากคณะตุลาการรับรอง ด้วยเสียงข้างมากที่ต้องไม่น้อยกว่า 6 เสียง จากทั้งหมด 9 เสียง การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ต้องเกิดขึ้นภายใน 60 วัน หากศาลไม่รับรอง หมายความว่า เป็นการคืนตำแหน่งให้แก่ยุน


ในกรณีที่ยุนต้องพ้นจากตำแหน่ง จะถือเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ด้วยกระบวนการขับออกของฝ่ายนิติบัญญัติ ต่อจากประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ โดยกระบวนการถอดถอนปาร์ค กินเวลาระหว่างเดือน ธ.ค. 2559-มี.ค. 2560


สำหรับการลงมติถอดถอนยุนออกจากตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ตำรวจและอัยการ เดินหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีกฎอัยการศึก ซึ่งยุนเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่จับกุม พล.ต.อ.โช จี-โฮ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.คิม บอม-ซิก ผู้บัญชาการตำรวจกรุงโซล ฐานร่วมก่อการกบฏ ระหว่างที่กฎอัยการศึกซึ่งประกาศโดยประธานาธิบดี มีผลบังคับใช้.

เครดิตภาพ : AFP