นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลงาน 90 วันของรัฐบาลว่า ถ้าจะให้เกรด หรือให้คะแนนความตั้งใจในการทำงาน จะให้เกรด A เพราะจะเห็นความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งหลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และเงินงบประมาณปี 67 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว รัฐบาลได้เร่งทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยปรับมาแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราบางก่อน มีนโยบายทำหวยเกษียณ เพื่อให้คนไทยออมเงินเพื่ออนาคต เรื่อยมาจนถึงการแก้ปัญหาหนี้ให้กับภาครัวเรือน และเอสเอ็มอีในขณะนี้ รวมถึงผลักดันการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาททั่วประเทศ ซึ่งเป็นการทำงานภายใต้นโยบายที่พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล ได้หาเสียงไว้ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และสัญญาไว้กับประชาชน

“แต่ผลสำเร็จของนโยบายให้เกรด C+ เพราะเศรษฐกิจไทยมีปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าเดิม เนื่องจากต้องเผชิญกับทั้งสงครามจริงในตะวันออกกลาง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่จะรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังบอบช้ำจากการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้ามานานหลายเดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 67 เป็นต้นมา แล้วยังจะถูกน้ำท่วมในหลายพื้นที่เข้ามาซ้ำเติมอีก ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าที่คาด จึงทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐจะต้องทำต่อ คือ การปรับโรงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเกินปีละ 4% ให้ได้ เพราะช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา โตต่ำกว่าปีละ 2% โดยเฉลี่ย หากไม่เร่งปรับโครงสร้างโดยเร็ว เศรษฐกิจไทย ที่ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน จะถูกสิงคโปร์ ซึ่งอยู่อันดับ 3 แซงหน้า และในปีต่อๆ ไป จะถูกเพื่อนบ้านอื่นในอาเซียน อย่าง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม แซงหน้าได้อีก