เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 ธ.ค.67) นายสมบูรณ์ ทองวารี ส.อบจ.ตรัง เขต 4 อ.กันตัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบนเกาะมุก หมู่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ว่าได้มีนักท่องเที่ยวรายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.อังคนา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นภรรยาของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่เดินทางมาท่องเที่ยวบนเกาะมุก ได้ถูกฝูงสุนัขประมาณ 5-6 ตัวรุมกัดหลายจุดทั่วร่างกายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเขี้ยวสุนัขและบาดแผลฉีกขาด ก่อนจะมีการช่วยเหลือนำตัวรักษาเบื้องต้นที่ รพ.สต.บ้านเกาะมุก และนำตัวนั่งเรือข้ามจากเกาะมาเพื่อขึ้นฝั่ง ส่งรักษาต่อที่ รพ.กันตัง ซึ่งนักท่องเที่ยวรายนี้มีอาการเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เบื้องต้นทางแพทย์ได้ให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กันตัง

ด้าน น.ส.อังคนา เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเดินทางมาเที่ยวที่เกาะมุกกับแฟนหนุ่มชาวรัสเซีย ตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 30 พ.ย. กระทั่งเย็นวันที่ 3 ธ.ค.67 หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว แฟนนั่งทำงานอยู่ที่ห้องพัก ส่วนตนออกมาเดินเล่นแถวชายหาดใกล้ ๆ กับรีสอร์ทได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะกำลังเดินกลับ จู่ ๆ มีสุนัข วิ่งเข้ามาเห่าใส่ ตนก็พยายามที่จะไล่ แต่เหมือนว่าเมื่อเห่าเป็นการเรียกสุนัขตัวอื่นๆมา จนมีสุนัขประมาณ 5-6 ตัววิ่งเข้ามาหาตนและรุมกัด ตนก็พยายามส่งเสียงร้องเพื่อให้คนมาช่วย ซึ่งตนก็พยายามใช้กระเป๋าที่สะพายอยู่เหวี่ยงใส่ฝูงสุนัขแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือ และให้ตนขี่หลังออกไปจากชายหาด ซึ่งก็โชคดีที่ตนไม่ล้มลง ซึ่งตนพยายามที่จะวิ่งหนีแต่เมื่อหันไปรอบๆก็มีสุนัขล้อมกัดอยู่ทั้งตัว ซึ่งเวลาตอนที่เกิดเหตุตอนนั้นประมาณ 5 นาที

ตอนนี้ก็มีแผลถูกสุนัขกัดทั่วร่างประมาณ 10 กว่าแผล ทั้งซีกซ้าย ทั้งแขน ขา นิ้ว สะโพก เจ็บปวดเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ตอนที่ตนเริ่มถึงเกาะก็พบเห็นว่ามีสุนัขเยอะมาก ไม่รู้ว่าเป็นสุนัขที่เลี้ยงหรือสุนัขจรกันแน่ แต่ตอนที่เดินเที่ยวในชุมชนหรือหมู่บ้านก็เห็นว่าสุนัขเฟรนลี่หมดเลย เพราะตนก็เป็นคนที่รักสุนัขอยู่แล้ว เพิ่งจะมาเจอสุนัขแถบชายหาดตรงนี้ว่าดุมาก ซึ่งตนก็ไม่รู้เลย ในฐานะนักท่องเที่ยวก็มองว่าควบคุมไม่ได้ แต่หากมีการเข้ามาจัดการกับเหล่าสุนัขพวกนี้ก็น่าจะดีขึ้น เพราะตนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวขณะที่เดินเล่นชายหาด ก็ไม่ได้เห็นว่ามีสุนัขอยู่ก่อน แต่เมื่อเดินกลับจู่ๆก็มีสุนัขเข้ามารุมกัด

ด้านนายสมบูรณ์ ทองวารี ส.อบจ.ตรัง เขต 4 อ.กันตัง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีเหตุสุนัขไล่และรุมกัดนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นบ่อยมาก บางครั้งทางผู้ประกอบการและชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือไว้ได้ทัน ซึ่งสุนัขจรจัดบนเกาะมุกแห่งนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปีแล้ว โดยบนเกาะมุกสุนัขได้สร้างความเดือดร้อนและทำร้ายนักท่องเที่ยว รวมทั้งจะกัดรองเท้า ซึ่งไม่สามารถวางไว้หน้าห้องพักรีสอร์ทได้ ส่วนบนเกาะลิบงก็มีปัญหาเรื่องสุนัขเยอะเช่นเดียวกัน แต่บนเกาะลิบงนั้นส่วนใหญ่จะได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของทรัพย์สินที่เป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เช่น สุนัขจะชอบไปไล่กัดฝูงแพะของชาวบ้านจนเสียชีวิตหมดคอก

“…ปัญหาสุนัขจรจัดที่มีจำนวนมากบนเกาะมุกนั้น เริ่มต้นมาจากมีการนำสุนัขมาเลี้ยง จนมีการขายที่ ขายบ้านบนเกาะ ย้ายมาอาศัยบนฝั่ง แต่กลับปล่อยสุนัขเอาไว้ ไม่ได้นำกลับไปด้วย ทำให้สุนัขบ้านกลายเป็นสุนัขจรจัด จากนั้นก็มีการขยายพันธุ์ขึ้นเป็นจำนวนมากและบางตัวมีนิสัยดุร้าย ส่วนใหญ่จะอยู่รวมกันเป็นฝูง หากมี 1 ตัววิ่งเข้ามาใส่ จะมีอีกหลายตัววิ่งเข้าใส่เช่นกัน เหตุการณ์สุนักทำร้ายนักท่องเที่ยวส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จ.ตรัง เป็นอย่างมาก เรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้นำปัญหานี้ไปพูดคุยในสภา อบจ.ตรังมาแล้ว พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอ ให้ลงไปดูแล ซึ่งปศุสัตว์ก็ได้ลงไปแล้ว แต่ติดตรงปัญหางบประมาณในการจัดซื้อยาคุมกำเนิน มีการแจ้งมาว่าทางจังหวัดให้มาในจำนวน 200 ตัวต่อ 1 ปี ซึ่งไม่มีงบประมาณเพียงพอในจุดนั้น…” นายสมบูรณ์ กล่าว.

ด้าน นางพัชรินทร์ ทองวารี อายุ 55 ปี ผู้ประกอบการรีสอร์ทที่นักท่องเที่ยวไปเข้าพักใช้บริการ กล่าวว่า หากน้ำทะเลลดลูกค้า นักท่องเที่ยว และชาวบ้านมักจะออกไปหาหอย หาปลา และเดินเล่นบริเวณชายหาด ก็จะถูกฝูงสุนัขมาไล่และบางครั้งก็รุมกัดแทบจะทุกวัน วันก่อนได้มีเด็กผู้หญิงวัย 8-9 ขวบเข้ามารุมกัด ชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือไว้ได้ทัน เมื่อวานก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกสุนัขรุมกัด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เป็นเหมือนกันแทบจะทั่วเกาะ ไม่ใช่แค่หาดที่เกิดเหตุวันนี้ ส่วนสภาพพื้นที่บนเกาะมุก ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม สุนัขที่มีอยู่บริเวณชายหาดที่เกิดเหตุมีอยู่ประมาณ 20 กว่าตัว แต่รวมทั่วทั้งเกาะแล้วมีมากหลายร้อยตัว

“…ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว เคยร้องเรียนไปหน่วยงานต่าง ๆ ก็หลายครั้ง ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ ชาวบ้านอยากให้ย้ายสุนัขจรจัดทั้งหมดออกจากเกาะเร็วที่สุด เพราะช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก การแก้ปัญหาที่ผ่านมา เช่น การคุมกำเนินหรือทำหมันก็แทบไม่ได้ผล ชาวเกาะส่วนใหญ่ไม่มีใครทำร้ายสุนัข เพราะผิดกฎหมายและศีลธรรม บางคนที่ไปร้องเรียนมามองว่าเป็นเรื่องตลก แต่หารู้ไม่ว่ามันเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และชาวบ้าน ทั้งเด็กและผู้สูงอายุอยู่กันอย่างไม่ปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างมาคอมเม้นต์กับทางรีสอร์ทเรื่องสุนัขจรจัดเหล่านี้ จนกลายเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของที่นี่…” นางพัชรินทร์ กล่าว.