เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุม ครม.วันนี้ไม่ได้มีเรื่องของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้พิจารณาแต่อย่างใด ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีข้อสั่งการเรื่องใดมาเป็นพิเศษ โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เป็นการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้รับรายงานมีสถานศึกษาได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยภาคใต้หลายพันแห่ง โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมมอนิเตอร์ข้อมูลน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันได้รับรายงานสถานศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ได้หยุดการเรียนการสอนจากสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว ซึ่งถือให้เป็นอำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาในการสั่งปิดเรียนได้ทันที เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน และให้ดำเนินการจัดสอนชดเชยภายหลังได้
“เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ให้จัดส่งศูนย์บริการช่วยเหลือประชาชน หรือ Fix It Center ไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบริการซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ จัดครัวปรุงแจกอาหาร ซึ่งเร็วๆ นี้ ตนจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและฟื้นฟูสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบด้วย” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแต่งตั้งผู้บริหารระดับ 10 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ยังว่างอยู่นั้น โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และรองเลขาธิการ ก.ค.ศ.นั้น ตนยังยึดการเรียกผู้ที่มีความเหมาะสมเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์กับตนเหมือนเดิม ซึ่งตนไม่มีใครในใจอยู่แล้ว และคิดว่าผู้ที่มาดำรงตำแหน่งผู้บริหารของ ก.ค.ศ.จะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายครูและเรื่องวิชาชีพครู โดยจะไม่มีการนำใครก็ตามที่จะมานั่งในตำแหน่งนี้ เพื่อก้าวไปสู่อีกตำแหน่งอื่นๆ อย่างแน่นอน เพราะบุคคลที่จะมาดำรงในตำแหน่งเก้าอี้ผู้บริหารระดับสูงของ ศธ. จะต้องอยู่ทำงานในตำแหน่งดังกล่าวอย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในตำแหน่งเลขาธิการ ก.ค.ศ. ยังสามารถรอได้ เพราะตนยังต้องการให้รศ.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา จัดทำระบบการย้ายครูแบบจับคู่ครูคืนถิ่น Teacher Matching System (TMS) เสร็จเรียบร้อยก่อน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือน ม.ค. 2569