เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ว่า บอร์ด สปสช.ได้อนุมัติของขวัญปีใหม่เพื่อคนไทยสุขภาพดีทั่วหน้า 7 แพ็กเกจ ประกอบด้วย 1.สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด จะมีการฝากครรภ์ คัดกรองดาวน์ซินโดรม วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน 2.เด็กแรกเกิดจนถึง 5 ปี การคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน การคัดกรองโรคทางพันธุกรรม 3.เด็กโตจนถึงวัยรุ่น 6-24 ปี มีการคัดกรองพัฒนาการเด็ก คัดกรองซิฟิลิส แว่นตา วัคซีน HPV 4.ผู้ใหญ่ 24-59 ปี เจาะเลือดตรวจน้ำตาล ไขมัน ตรวจไวรัสตับอักเสบบี ซี คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจแมมโมแกรมสำหรับหญิง 40 ปีขี้นไป 5.ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คัดกรองวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง คัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ 6.ชุดตรวจคัดกรองด้วยตนเอง เช่น มะเร็งปากมดลูก เอชไอวี มะเร็งท่อน้ำดี 7.สายด่วนและสุขภาพจิต
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า บอร์ดยังเห็นชอบข้อเสนอของสปสช.เรื่องการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เป็นการทำงานควบคู่กับกระทรวงสาธารณสุข ส่วนเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ บอร์ดได้เห็นชอบดำเนินการระยะที่ 4 ขยายพื้นที่ 31 จังหวัด เป็นการครอบคลุมทั่วประเทศ ให้สามารถรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยมีกรอบแนวทางการดำเนินการ 10 ประการ รวมทั้งระบบเบิกจ่ายและการเชื่อมข้อมูล
“การดำเนินการเรื่องใบส่งตัว ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับ สปสช.ยืนยันว่าใบส่งตัวเป็นดิจิทัล ไม่จำเป็นต้องเป็นเอกสาร หรือกระดาษ แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออาจจะมีความไม่เข้าใจอยู่บ้าง ก็จะปรับแนวทางในช่วงการดำเนินการ ถ้าหากผู้ให้บริการหรือผู้ประกอบการยังยึกยักก็จะให้ดำเนินคดี” นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมทัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า กรณีใบส่งตัว โดยเฉพาะใน กทม.ได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 5 ฉบับ ตั้งแต่การดำเนินนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ใน กทม. หนึ่งในนั้นคือใบส่งตัวที่ใช้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และใช้ 1330 เป็นผู้ออกใบส่งตัวสำหรับเรียกเก็บเงิน ในที่ประชุม นายสมศักดิ์ ได้ย้ำไปแล้วว่าเมื่อมีกติกาและกฎหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ใบกระดาษหรือเรียกคนกลับมารับใบส่งตัวอีก ทั้งนี้ตามกฎหมายถ้ามีการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการไปรับบริการถือว่าไม่ถูกต้องตามมาตรา 57 และ มาตรา 59 ของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“เราไม่ได้อยากใช้มาตรการทางกฎหมาย แต่เมื่อ 1 ปีผ่านมาแล้ว และมั่นใจว่าระบบต่างๆ เข้าที่เข้าทาง แต่ยังติดระบบปี 2567 ในบางส่วน ซึ่งได้ทำความเข้าใจไปแล้ว และรมว.สาธารณสุขก็ได้ให้นโยบายแล้วว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าอยู่ ๆ เราจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่อยากขอความร่วมมือกับหน่วยบริการ ซึ่งเราเข้าใจหน่วยบริการ แต่ประชาชนเดือดร้อนและได้รับการร้องเรียนอยู่ตลอดก็ต้องไปช่วยดูแลเพื่อให้เกิดความสมดุล ส่วนเรื่องมะเร็งยังยืนยันว่ารักษาทุกที่ สิทธิก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้มีการลดสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องของการฉายรังสี ถ้ามีคิวนานสามารถไปในที่ที่มีบริการได้” นพ.จเด็จ กล่าว.