เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2567 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว บุคคลสนิทของอดีตรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับรีสอร์ทหรู ที่รุกที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่า ขณะนี้ตำรวจ  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย กำลังดำเนินการตรวจสอบ ตนก็อยากให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่กำลังทำงานกันอยู่ในขณะนี้ 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าการทุจริตในหน้าที่ในการออกเอกสารสิทธิของทางราชการ ถ้าเจ้าหน้าที่ราชการส่วนจังหวัดและเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ไม่ร่วมด้วยคงทำได้ยาก การเบียดบังสิ่งที่ควรเป็นของเกษตรกรไปเอื้อประโยชน์นายทุน เรื่องเหล่านี้ควรหมดไปจากประเทศไทยเสียที ยิ่งพบว่ามี “คนใกล้ชิด” ของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน 10 ล้าน เรียกให้มาชี้แจงก็ไม่มา เรื่องนี้อยากฝากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานด้วยความเด็ดขาด คดีนี้ประชาชนสนใจ ทุกคนอยากรู้ว่าผู้ใกล้ชิดนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่คือใคร ถึงได้ทำผิดกฎหมาย แบบไม่กลัวฟ้าไม่อายดิน 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่ตนออกมาพูดในวันนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นเรื่องการทุจริต เรื่องการแสวงหาผลประโยชน์ขณะมีอำนาจ ขนาดคนใกล้ชิดยังกล้าได้ขนาดนี้ ตัวจริงจะทำได้ขนาดไหน แต่เท่าที่ดูเหมือนทุกคนที่รับข่าวสารจะรู้ว่านักการเมืองคนนั้นคือใคร แต่กลับไม่มีการออกมาแถลงข่าวชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย เห็นก็แต่การปล่อยข่าวขู่จะฟ้องผู้ที่ออกมาให้ข้อมูล เรื่องเหล่านี้เป็นประโยชน์สาธารณะ กล้าทำก็ต้องกล้ารับ 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า  ตนอยากฝากไปถึงนักการเมืองใหญ่คนดังกล่าว ไม่ควรปกป้องหวานใจคนใกล้ชิด อย่าใช้วิธีโทรฯ หาคนโน้นคนนี้ให้ช่วยเหลือ เหมือนที่คนนินทาจนเข้าหูตนมา ตนอยากถามว่าจริงหรือไม่ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย รัฐบาลชุดนี้ปราบปรามการทุจริตผิดกฎหมายอย่างจริงจัง นักการเมืองใหญ่ผู้มากบารมีจะใช้บารมีแบบเดิมใช้อำนาจแบบเก่า คงไม่ได้ผล ก่อนหน้าคนข้างกายเป็นแผลมาวันนี้คนข้างใจเป็นพิษ ซ้ำเติมโรคภัยไข้เจ็บกันไปใหญ่ อะไรก็ปิดไม่อยู่ ถ้าไม่เกี่ยวก็ควรออกมาชี้แจงกับสาธารณะให้รู้กันไปเลย ตนอยากฝากไว้ให้คิด.