เพราะระยะเวลาในการแวะพักเปลี่ยนจุดหมายปลายทางที่ไม่เท่ากัน บ้างรวดเร็วจนไม่เหลือเวลาให้เดินชอปปิง แต่มีบางเส้นทางที่เวลาเหลือเฟือมากจนเกินพอ Touristanbul จึงเป็นคำตอบมาเติมเต็มช่องว่างนั้น สำหรับผู้โดยสารที่มีเวลาต่อเครื่องระหว่าง 6-24 ชั่วโมง กับการพาผู้โดยสารออกไปทำความรู้จักกับนครอิสตันบูลเมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี

ฮาเกียโซเฟีย หนึ่งในแปดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เพราะโดมกลาง หนึ่งในโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ มีความสูงกว่าพื้นถึง 55 เมตร และโมเสกคริสเตียนที่อยู่ภายในจำนวนมาก แม้บางส่วนจะถูกโบกปูนปิดทับหรือเคลื่อนย้ายออกไปในช่วงยุคออตโตมันก็ตาม

ก่อนที่ที่นี่จะกลายเป็นมัสยิดอย่างวันนี้ เคยเป็นอาสนวิหารคริสเตียนที่รู้จักกันในชื่อ โบสถ์ฮาเกียโซเฟีย ซึ่งแปลว่า ปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ ในภาษากรีก สร้างในสมัยอาณาจักรไบแซนไทน์แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1,000 นับเป็นอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ตะวันออก ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นมัสยิด โดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 1935 หลังจักรวรรดิออตโตมันพิชิตคอนสแตนติโนเปิลในปี ค.ศ. 1453 อาคารโดมขนาดใหญ่จึงมีหอคอยสูง มิห์ราบ และแผงอักษรวิจิตร เพิ่มเติมขึ้นมา ขณะที่โมเสกคริสเตียนบางส่วนถูกปิดหรือเอาออก ตั้งแต่ปี 1935 ฮาเกียโซเฟียเป็นพิพิธภัณฑ์ จนเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 ที่นี่กลับไปมีสถานะเป็นมัสยิดอีกครั้ง แต่ยังคงเปิดให้เข้าเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมภายใน

การเข้าเยี่ยมชมฮาเกียโซเฟีย ต้องปฏิบัติตามกฎการแต่งกายแบบดั้งเดิมของมัสยิดทุกแห่งในตุรกี ผู้หญิงต้องปกปิดผมและสวมกระโปรงยาวหรือกางเกงขายาว ขณะที่ผู้ชายควรสวมกางเกงขาให้ยาวเลยเข่า ในช่วงที่มีการละหมาดอย่างในวันศุกร์จะไม่เปิดให้เข้าเยี่ยมชม

ในบริเวณใกล้กับฮาเกียโซเฟีย ลานกว้างที่มองเห็นคือ ฮิปโปโดรมคอนสแตนติโนเปิล หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ฮิปโปโดรม จตุรัสแห่งนี้เคยเป็นสนามแข่งม้าแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลมาก่อน และไม่ใช่เพียงแค่แข่งม้าแต่ยังอยู่ในฐานะศูนย์กลางทั้งการกีฬาและสังคมด้วย ว่ากันว่าสามารถจุคนได้กว่าแสนคน ในยุคโบราณการแข่งม้าที่จะมีการขว้างหอกไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างที่เห็นในภาพยนตร์ย้อนยุคและแข่งรถม้าถือเป็นกีฬายอดฮิต การมีอยู่ของฮิปโปโดรมจึงอยู่ในสถานะเดียวกันกับนครต่าง ๆ ของกรีกในสมัยเฮลเลนิสต์ โรม และไบแซนไทน์ ปัจจุบันที่นี่คือสวนที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง โดยยังคงมีโบราณวัตถุขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ไม่ว่าจะเป็น เสางู เสาทองเหลืองที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวดูเหมือนพันเป็นเกลียวอยู่นั้น มีอายุกว่า 2,500 ปี ตั้งแต่ยุคกรีกและโรมันโบราณ ความจริงแล้วคือร่างของงูสามตัวบิดตัวเป็นรูปเกลียวอยู่บนเสาเดียวกัน สูงจากพื้นดิน 8 เมตร ส่วนของหัวงูทั้งสามถูกทำลายในปี ค.ศ. 1700 เหลือให้เห็นเพียงเกลียวร่างที่ขดพันกัน แต่หากอยากเห็นหัวงูที่ว่าบางส่วนได้รับการบูรณะและจัดแสดงไว้ที่ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล

ใกล้ ๆ กันคือ เสาโอเบลิสก์ของธีโอโดซีอุส อนุสาวรีย์เสาหินอายุกว่า 3,500 ปี สร้างขึ้นในสมัยของฟาโรห์ทุตโมสที่ 3 เดิมเคยตั้งอยู่ในมหาวิหารคาร์นักต่อมาคอนสแตนเชียสที่ 2 จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันได้ส่งเสาล่องไปตามแม่นํ้าไนล์ไปยังเมือง
อเล็กซานเดรียเพื่อรำลึกถึง 20 ปี แห่งการครองราชย์ ต่อมาจักรพรรดิเทออดอซิอุสที่ 1 จักรพรรดิแห่งโรมัน นำมาไว้ที่ฮิปโปโดรมแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล และตั้งตระหง่านจวบจนทุกวันนี้

ส่วน เสาโอเบลิสก์วอลล์ ที่อยู่ถัดไป เป็นอนุสาวรีย์เสาหิน ที่มีความสูง 32 เมตร ถูกสร้างขึ้นเพื่อประกาศถึงชัยชนะของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ บาซิลที่ 1 มีรูปทรงสี่เหลี่ยม แบบเสาโอเบลิสก์อียิปต์โบราณ และมีบริเวณปลายแหลม เป็นรูปทรงพีระมิด ทั้งสี่ด้านมีการแกะสลักอักษรอียิปต์โบราณ เสาโอเบลิสก์วอลล์นี้เคยเป็นภาพที่อยู่บนธนบัตรฉบับ 500 ลีร่าของตุรกี ระหว่างปี ค.ศ. 1953-1976 ด้วย

ฝั่งปลายด้านเหนือของฮิปโปโดรม มีอาคารโดมขนาดย่อมดูคล้ายกับศาลา เป็นซุ้มหินอ่อนแกะสลัก รูปทรงแปดเหลี่ยมสไตล์นีโอไบเซนไทน์ ตั้งอยู่บนฐานยกสูง มีบันไดแปดขั้น ตรงกลางมีอ่างนํ้าพุตั้งอยู่บนพื้นกระเบื้องโมเสก นั่นคือ นํ้าพุเยอรมัน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในวาระครบรอบครั้งที่ 2 การมาเยือนยังนครอิสตันบูลของจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี โดยสร้างขึ้นในเยอรมนีก่อนจะเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนและนำมาประกอบไว้ที่นี่

จากจตุรัสเดินต่อไปที่ “อ่างเก็บนํ้าเยเรบาตัน” ลึกลงไปใต้พื้นดินของพิพิธภัณฑ์ Basilica Cistern คือถังเก็บนํ้าใต้ดินขนาดใหญ่ ที่จักรพรรดิโรมันตะวันออกจัสติเนียนที่ 1 สร้างไว้ คนตุรกีเรียกที่นี่ว่า “เยเรบาตัน ซารายิ” แปลว่า “พระราชวังจม” ด้วยความจุนํ้า 80,000 ตัน ครอบคลุมพื้นที่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าราว 10,000 ตารางเมตร ไม่เพียงเป็นแหล่งนํ้าที่เก็บสะสมนํ้าฝนแล้วส่งไปใช้ในพระราชวังและพื้นที่โดยรอบ แต่ยังเป็นแหล่งนํ้าของเมืองหลายร้อยปี

ภายใต้หลังคาขนาดใหญ่ประกอบด้วยเสาถึง 336 ต้น สูง 9 เมตร วางเรียงห่างกันในระยะ 4.80 เมตร รวม 12 แถว โดยแกะสลักจากหินอ่อนหลากหลายชนิด หัวเสามีลักษณะแตกต่างกันออกไป บางแห่งสะท้อนถึงสไตล์ “โครินเธียน” ในขณะที่บางแห่งโดดเด่นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เรียบ ๆ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ หัวเมดูซ่า 2 หัว ที่ถูกใช้เป็นฐานเสา วางในแนวนอนทางทิศตะวันตก และควํ่าลงทางทิศตะวันออกของถังนํ้า ซึ่งมาพร้อมกับตำนานและเรื่องเล่ามากมาย

นอกจากสถาปัตยกรรมในยุคโบราณแล้ว ในอิสตันบูลยังมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่คนตุรกีเองยังนิยมมาเดินเที่ยวชมอย่าง ท่าเรือกาลาตา อดีตท่าเรือสำเภาเก่าแก่อายุ 200 ปี ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาจนทำให้เรือนำเที่ยวขนาดยักษ์สามารถจอดเทียบท่าได้ โดยมีอาคารผู้โดยสารอยู่ใต้ดินแห่งแรกของโลก ตั้งอยู่มุมหนึ่งของช่องแคบบอสฟอรัส ด้วยความยาว 1.2 กิโลเมตรบริเวณริมฝั่งยามที่ไม่มีเรือมาจอดเทียบท่า ที่นี่คือจุดชมวิวช่องแคบบอสฟอรัสที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง นั่นจึงทำให้ตลอดแนวชายฝั่งนั้นเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและคาเฟ่ ถัดเข้ามาด้านในคือร้านค้าแบรนด์เนมและร้านท้องถิ่นรวมกว่า 250 ร้าน

อยากจะออกจากสนามบินไปเปิดหูเปิดตาชมเมืองอิสตันบูลแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากจะอดใจแวะชอปปิง หรือซื้อเพรสเซลชิ้นโตจากร้านรถเข็นที่ยั่วยวนเป็นระยะ ๆ เพียงแค่เดินไปที่ Touristanbul desk บริเวณอาคารผู้โดสารขาเข้าใกล้จุดนัดพบที่ 4 หรือ บริเวณ Transfer Desk ภายในสนามบินอิสตันบูล ก่อนเวลาทัวร์จะเริ่มอย่างน้อย 30 นาที เท่านี้ก็จะมีมัคคุเทศก์ รถบัส และอาหารพร้อมบริการ ว่ากันว่ามีเส้นทางให้เลือกถึง 6 โปรแกรมต่อวัน ผู้โดยสารสามารถวางแผนล่วงหน้าด้วยการเข้าไปตรวจสอบเวลาและเส้นทางได้ที่ www.turkishairlines.com รวมถึงผู้โดยสารที่แวะพักต่อเครื่องตั้งแต่ 20 ชั่วโมงขึ้นไป มีห้องให้พักฟรี 1 คืนสำหรับชั้นประหยัดและ 2 คืนสำหรับชั้นธุรกิจ สามารถตรวจสอบและลงทะเบียนรับสิทธิล่วงหน้าได้เลย

กลับเข้ามาในสนามบินอิสตันบูลแล้วเวลายังเหลือ แนะนำให้เดินสำรวจราคาสินค้าในดิวตี้ฟรีด้วย บอกเลยว่าราคาช่างเย้ายวนใจ บางแบรนด์ราคาถูกจนไม่อยากจะเชื่อ แถมยังมีโปรโมชันโละพิเศษทั้งเวิ้งราคาเดียวอีกต่างหาก หรือใครจะแค่อยากเดินยืดเส้นยืดสายระหว่างรอหากว่าเวลาน้อยไม่พอออกไปเที่ยวชมเมือง พื้นที่อันกว้างขวาง 1.44 ล้านตารางเมตรของสนามบิน พร้อมให้เดินเก็บสถิติก้าวแบบไม่จำกัด เพียงแต่อย่าเพลินจนลืมเวลาขึ้นเครื่องเท่านั้น.

อธิชา ชื่นใจ