เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจัดการชุมนุมครั้งสุดท้ายในชีวิต มองว่าสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้เหมาะที่จะมีม็อบหรือไม่ ว่า เราต้องรักษาความสงบในประเทศให้ได้มากที่สุด เพราะหากเราจะไปประเทศไหนแล้วมีม็อบ เราอาจไม่อยากไป ซึ่งประเด็นนี้จะกระทบกับการท่องเที่ยวและประเทศอย่างแน่นอน แต่ว่าหากประชาชนมีข้อเรียกร้องหรืออยากจะเสนอกับรัฐบาล เรามีกระบวนการรับฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว เช่นการยื่นจดหมาย รัฐบาลเห็นว่าความคิดเห็นของประชาชนสำคัญเสมอ แต่การจะเกิดม็อบหรืออะไร เราพูดคุยกันได้ จึงยังไม่น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็น

เมื่อถามว่า การที่นายสนธิ จะยื่นหนังสือคัดค้าน MOU44 จะไปรับด้วยตัวเองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการที่มีอยู่ คงไม่มีพิเศษในกรณีไหน ไม่เช่นนั้นก็จะมีเคสใหม่เรื่อยๆ เราอยากให้เป็นไปตามกระบวนการ

เมื่อถามอีกว่า เอ็มโอยูประเทศไทยสามารถยกเลิกเพียงฝ่ายเดียวได้หรือไม่ เพราะเสียงที่คัดค้านบอกว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้ ถ้าประเทศไทยเสียเปรียบ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วสามารถยกเลิกได้ตามหลักของกฎหมาย แต่ถามว่าเราควรยกเลิกฝ่ายเดียวหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ดังนั้นคงต้องมีการคุยกันก่อนจะดีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เพราะฉะนั้นเราพยายามคือหนึ่งไม่ให้คนในประเทศของเราเข้าใจผิดในเรื่องอะไรก็ตาม สองการจะตกลงในเรื่องนี้ควรเป็นการคุยกันระหว่างสองประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก 

เมื่อถามอีกว่ารัฐบาลชี้แจงในเรื่องเอ็มโอยู ฉบับปี 2544 แต่ยังคงมีคำถามเข้ามาเรื่อยๆ มองว่ามีอะไรนอกเหนือจากเรื่องเอ็มโอยู 44 ซ่อนอยู่ในนั้นหรือไม่ นายกฯ นิ่งคิด ก่อนกล่าวว่า ก็อาจจะเป็นประเด็นทางการเมืองหรือเปล่า ประเด็นทางการเมืองก็มีมากมายทุกวัน แต่เรื่องระหว่างประเทศเป็นเรื่องอ่อนไหว เพราะคำพูดของนายกฯ หรือของ รมว.การต่างประเทศ ได้สื่อสารออกไป ประเทศอื่นๆ จะรับข้อนั้นเลย เพราะฉะนั้นเราจึงพยายามสื่อสารด้วยความระมัดระวัง และเห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่พื้นที่ที่เราคุยกันมา ยังคงเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ยังไม่มีการเคาะอะไรทั้งสิ้น ทั้งไทยและกัมพูชายังไม่มีใครเสียผลประโยชน์อะไรในตอนนี้ เราต้องคุยกันก่อน

“แน่นอนว่าดิฉันเองเป็นนายกฯ ของประเทศไทย ไม่มีทางเห็นประเทศใดสำคัญกว่าประเทศไทย ขอให้มั่นใจตรงนี้ไว้อย่างหนึ่งว่า ดิฉันเกิดในแผ่นดินนี้ ไม่มีทางที่จะเห็นที่ไหนดีกว่าบ้านเรา ขอให้มั่นใจในจุดนี้ และเราตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคุยด้วยเหตุผล ด้วยการตกลงระหว่างประเทศที่ดี อย่าเอาเรื่องของกระแสหรือความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศของเรามาทำให้เป็นประเด็นที่จะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ อันนั้นก็จะไม่ดีไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามอีกว่า กลุ่มผู้คัดค้านเอ็มโอยูฉบับปี 2544 มีการหยิบยกพระบรมราชโองการของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่องของไหล่ทวีปขึ้นมา ประเด็นนี้จะอยู่ในการเจรจาด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในนั้นเราได้ดูเนื้อหานี้อย่างละเอียดแล้ว อะไรที่เป็นปัญหา เราไม่ชนกับปัญหาอย่างแน่นอน เราต้องค่อยๆ ร่วมกันแก้ไข.