เมื่อเร็วๆนี้ มีข่าวการรวมตัวของบรรดา “อดีตบิ๊กข้าราชการ” ในการตั้งพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่ที่น่าสนใจ” คือ“พรรคโอกาสใหม่”ที่เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคไทยเป็นหนึ่ง เพิ่งจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567 ไปเมื่อต้นเดือน พ.ย. มี นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ( ผวจ.) ลพบุรี เป็นหัวหน้าพรรค  นายธงชัย ลืออดุลย์ อดีต ผวจ.นครราชสีมา และบุรีรัมย์  บึงกาฬ เป็นเลขาธิการพรรค และยังมีกรรมการที่เคยเป็น ขรก.ระดับสูง เช่น นายวีระชัย นาคมาศ รองหัวหน้าพรรค อดีต ผวจ.พระนครศรีอยุธยา  นายโสภณ ทองดี เหรัญญิกพรรค อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายเฉลิมพล มั่งคั่ง นายทะเบียนสมาชิกพรรค อดีต ผวจ.มุกดาหาร

ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกจับตามอง เพราะมีแกนนำเบื้องหลังคือ  “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ  อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย  ที่เคยเดินเกมส์ใต้ดินสมัยตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในยุคของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น โดยมี “นายทุนยักษ์ใหญ่ ” เป็นสปอนเซอร์หลักเหมือนเช่นเคย  

โดยมีรายงานข่าวว่า “พรรคโอกาสใหม่” จะเป็นพันธมิตรกับ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า –  พรรคเพื่อไทย – พรรคกล้าธรรม” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า  โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่เก้าอี้ “รมว.พลังงาน” เป็นอันดับแรก
คำถาม …ข่าวการรวมตัวครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่ออะไร ? ก็แน่นอนว่า  แต่ละพรรคการเมืองมีความหวังจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลทั้งนั้น หากดูจากสูตรทางการเมืองวันนี้ พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญมาก คือ พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากครองเสียง สส.ข้างมากเป็นอันดับ 2 ในพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้ง “วุฒิสภา” ชุดนี้ยังถูกมองว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับภูมิใจไทย ทำให้การขยับตัวอะไรของรัฐบาลต้องเกรงใจพรรคภูมิใจไทย??

ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมเพื่อพิจารณากฎหมายประชามติ กลายเป็นว่า กมธ.ฝั่ง สส.แพ้เสียง กมธ.ฝั่ง สว. ซึ่งมีผู้ไม่ออกเสียง 2 เสียง คือ “เลขาฯนก”นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กับ “สส.แชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง  พรรคภูมิใจไทย ทำให้วิเคราะห์ได้ว่าจะทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญได้คงลากไปยาวกว่าปี  68   ทำให้ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  แกนนำพรรคเพื่อไทย ต้องออกมายอมรับแบบเสียงอ่อยๆ ว่า แก้รัฐธรรมนูญได้เท่าไหนแค่นั้น  ไม่สนใจด้วยว่า ‘พรรคประชาชน’ จะออกมาถล่มโจมตีว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามที่หาเสียงเอาไว้

ท่าทีขี่คอของพรรคภูมิใจไทยคงสร้างความกระอักกระอ่วนให้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่  ความสัมพันธ์ระหว่างพรรค “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” เหมือนมีอะไรไม่ลงรอยกันอยู่ใต้น้ำ 

โดยเฉพาะให้จับตากรณีเขากระโดง ที่ถ้านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้การรถไฟแห่งประเทสไทย (รฟท.) เอาที่ดินกลับให้ได้ และสะเทือนไปถึงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ …จะยิ่งร้าวลึก!!

เมื่ออาจมีปัญหาในการรวมเสียงรัฐบาลครั้งหน้า  หากพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าเป็นพรรคอันดับหนึ่งและจะไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องมีเสียงสนับสนุนให้เกิน 250 เสียง  ดูจากฟอร์มรัฐบาลแล้ว พรรคเพื่อไทยมีโอกาสจับมือกับพรรคกล้าธรรมสูงมาก และยังได้ สส.มาจากพลังประชารัฐ ( พปชร.) ซึ่งคาดว่า “ สส.ที่คะแนนดีๆ ไม่ไปกล้าธรรมก็ต้องมาเพื่อไทย”  

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสจับมือพรรคเพื่อไทยต่ออีกสมัย ส่วนพรรคตัวแปรอีกพรรคหนึ่งคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งน่าสนใจว่า สมัยหน้าจะได้ สส.เท่าไร มีย้ายพรรคบ้างหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่า ลูกพรรคส่วนหนึ่งเริ่มไม่พอใจ “หัวหน้าตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เนื่องจากเข้าถึงยาก

ก็ไม่แน่ว่า“พรรคเกิดใหม่”ช่วงนี้ อาจเป็น“ตัวหมาก”หนึ่งในการเคลื่อนย้ายถ่ายเท สส. เพื่อเดินเกม “ลับ – ลวง – พราง” ตั้งรัฐบาลหัก “ภูมิใจไทย”  ถ้ามั่นใจเผลอๆ มียุบสภาให้ สส.ย้ายพรรคทันด้วย!!