เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมนายสามารถ นานกว่า 2 ชั่วโมงว่า นายสามารถ ยืนยันว่าจะอดน้ำอดอาหารประท้วงจริง จนกว่าตนเองและหลาย ๆ คนในเรือนจำจะได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งจนกว่าจะได้รับการประกันตัว โดยนายสามารถ ได้อดอาหารเมื่อ 3 วันก่อน ตั้งแต่ทราบว่า ถูกออกหมายจับและถูกตำรวจรวบตัวได้ที่ จ.เชียงราย ซึ่งจากการเข้าไปเยี่ยมนายสามารถ พบว่า ตัวนายสามารถ มีอาการปากซีด มีอาการเครียด แต่ยังคงพูดได้และตั้งใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด แม้ตัวนายสามารถ จะมีโรคประจำตัวคือโรคตับอ่อนและความดัน ซึ่งก็พยายามบอกว่า ขอให้กินน้ำกินอาหาร อย่าทำแบบนี้ แต่นายสามารถ บอกว่า ตนรักความยุติธรรม หากจะเสียชีวิตในเรือนจำ ก็เป็นการเสียชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่ความยุติธรรมของประเทศไทย

น้อยใจ! ‘แม่สามารถ’ เผยนาทีเครียด ผ้าปูเตียงผูกคอหวังจบชีวิต

ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่นำมาสู่การอดอาหารประท้วงนั้น เนื่องจากนายสามารถยังไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างฝากขัง และในทางคดีฝั่ง DSI ยังเหลือการสอบพยานอย่างน้อยอีก 30 ปาก รวมทั้งข้อหาความผิดมูลฐานฟอกเงินนั้นยังไม่มีความชัดเจน แต่กลับถูกแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน เลยทำให้นายสามารถมองว่า ตนเองยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การอดอาหารดังกล่าวเป็นการจงใจทำร้ายตัวเองเพื่อจะได้ออกมาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ ทนายความกล่าวว่าไม่ใช่ ไม่ได้เป็นเหตุข้ออ้างเพื่อจะออกมาที่โรงพยาบาล

ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ก็คือเรื่องของกระบวนการของพนักงานสอบสวนที่ไม่มีการออกหมายเรียกทั้งนายสามารถและแม่ไปให้ปากคำชี้แจงเส้นทางการเงิน แต่สุดท้ายกลับออกหมายจับ ทั้งๆ ที่ตัวบอสพอล ออกคำชี้แจงแล้วว่า ไม่มีคลิปเสียงที่มีการเรียกรับผลประโยชน์และเส้นทางการเงินต่างๆ บอสพอลก็มีเอกสารรับรองยืนยันทั้งหมด อีกทั้งนายสามารถยังมองว่า ตอนแรกมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องตบทรัพย์ แต่สุดท้ายก็มากล่าวหาว่าเป็นการฟอกเงิน ซึ่งถือว่าย้อนแย้ง จึงยืนยันว่า การแจ้งข้อกล่าวหาว่าฟอกเงินไม่สมเหตุสมผล เพราะความผิดมูลฐานยังไม่ชัดเจน

ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีการพูดคุยกันในวันนี้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแนวทางการยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งไม่ให้ประกันตัวของศาลอาญา ซึ่งได้ดำเนินการในส่วนคำร้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ในส่วนของนายสามารถ ที่จะเขียนเหตุผลแนบท้ายคำร้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถมารับเอกสารจากนายสามารถ และนำไปยื่นอุทธรณ์ที่ศาลได้ภายในวันพรุ่งนี้ โดยเหตุผลในการยื่นอุทธรณ์หลักๆ คือ จะแสดงให้เห็นว่านายสามารถเข้ามามอบตัวกับตำรวจ จ.เชียงราย หลังทราบว่าถูกออกหมายจับ ไม่ได้เป็นไปตามคำร้องขอฝากขังที่กล่าวว่านายสามารถถูกตำรวจจับกุม จึงเห็นได้ว่านายสามารถไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และการที่ระบุในคำร้องขอฝากขังว่านายสามารถถูกจับกุมนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งถ้าหากศาลไม่รับคำอุทธรณ์ ก็จะดำเนินการยื่นประกันตัวในครั้งถัดไป

ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ นายสามารถออกมาพูดว่า “อยากจะพูด แต่พูดไม่ได้” ทนายความระบุว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับทางคดีที่นายสามารถ ยังยืนยันว่า ทำไมถึงตั้งข้อหาฟอกเงิน ทั้งๆ ที่ความผิดมูลฐานยังไม่มีความชัดเจน จึงสอบถามว่า ประโยคดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือนักการเมืองระดับสูงหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนที่แม่นายสามารถ ระบุว่าเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น ตนยังไม่เห็นข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามว่าได้สอบถามถึงประเด็นที่แม่นายสามารถ ได้ยื่นจดหมายน้อยให้กับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่านายสามารถมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า นายสามารถไม่รู้เรื่องดังกล่าว ส่วนตัวได้สอบถามคุณแม่นายสามารถว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคุณแม่ระบุว่า ที่ทำลงไปเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและยังยืนยันว่า เส้นเงินจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 แล้ว และทำไมถึงไม่มีการออกหมายเรียกไปให้ปากคำก่อนที่จะถูกออกหมายจับ ซึ่งจดหมายดังกล่าวนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะคุณแม่นายสามารถได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน DSI ไปหมดแล้ว ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าวถูกเขียนขึ้นในห้องควบคุมตัว หลังจากที่แม่นายสามารถสอบปากคำแล้วเสร็จ แต่แม่นายสามารถจะเอาปากกาและกระดาษบันทึกคำร้องฝากขังฉบับดังกล่าวมาเขียนได้อย่างไร ตนไม่ทราบและไม่ได้ลงรายละเอียดในเรื่องนั้น

สำหรับประเด็นที่ทำไมต้องนำทนายวิฑูรย์ ซึ่งเป็นทนายความของบอสพอลมาเป็นพยานในการไต่สวนการประกันตัวของนายสามารถ ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า เป็นเพราะตนรู้จักกับทนายวิฑูรย์อยู่แล้ว และมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางคดีกันปกติ รวมทั้งทนายวิฑูรย์ เป็นผู้รู้เกี่ยวกับจดหมายจากบอสพอล เพื่อยืนยันเกี่ยวกับตัวนายสามารถในเรื่องเส้นทางการเงินและเรื่องคลิปเสียง จึงได้เตรียมนำทนายวิฑูรย์มาเพื่อเบิกเป็นพยาน หากศาลเปิดการไต่สวนการประกันตัว

เมื่อถามถึงแนวทางการทำคำให้การเป็นหนังสือส่งให้กับทางพนักงานสอบสวน ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า จะดำเนินการภายหลังจากยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวนายสามารถ แต่จริง ๆ แล้วตนได้บอกกับทาง DSI ว่าจะทำหนังสือภายใน 30 วัน แม้ทาง DSI จะให้เวลาเพียงแค่ 15 วัน แต่ถ้ามองว่าไม่ทัน ก็จะทำหนังสือขยายเวลาออกไป เส้นทางการเงินที่ทาง DSI ดำเนินคดี คือ ก้อน 2.5 ล้านบาท ซึ่งต้องอธิบายว่า แม่นายสามารถได้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท มีที่มาจากบอสพอลจำนวน 2 ล้านบาท และบอสปีเตอร์อีก 500,000 บาท โดยเป้าหมายของเงินแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือเงินที่คุณแม่นายสามารถขอยืมจากบอสพอลจำนวนทั้งสิ้น 1.7 ล้านบาท ซึ่งภายหลังคุณแม่ได้โอนเงิน 1.7 ล้านบาท เข้าบัญชีนายสามารถ เพื่อเป็นการชำระหนี้แก่บอสพอล ส่วนนายสามารถจะนำเงิน 1.7 ล้านบาทไปให้บอสพอลด้วยวิธีการใด ตรงนี้ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็นเส้นทางการเงินที่โอนผ่านบัญชี และก้อนที่เหลืออีก 800,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้รวมเงินจากบอสปีเตอร์ด้วย 500,000 บาทนั้น คือเงินทำบุญทั้งหมด

ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า ส่วนที่ DSI ตั้งประเด็นว่า จะสอบสวนเส้นทางการเงินจำนวน 100 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับบัญชีของแม่นายสามารถและนายสามารถนั้น ก็จะให้ความร่วมมือในการสอบสวนเส้นเงินดังกล่าว และยืนยันว่าเงิน 100 ล้านบาท ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ และไม่ได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีในเงินก้อนนี้ แต่ที่มาของเงินจำนวน 100 ล้านบาทมาจากไหน ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกความ นายสามารถฝากกราบขอโทษและขอขมาไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ที่ได้มีการล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ และฝากความเป็นห่วงเป็นใยถึงแม่ ขอให้รักษาสุขภาพรักษาตัวเองให้ดี พักผ่อนเยอะๆ กำชับว่าแม่อย่าออกสื่อเยอะ กลัวแม่จะเครียด ส่วนฝั่งคุณแม่นายสามารถเอง ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมในวันนี้ แต่เนื่องจากนายสามารถยังติดแดนกักโรค ยังไม่สามารถเยี่ยมได้ แต่แม่นายสามารถก็ฝากความเป็นห่วงเป็นใยว่า อย่าอดอาหารเลย จะได้มีแรงในการต่อสู้คดี