สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน มีผลแล้วเมื่อเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (09.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย)


ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งร่วมผลักดันการหยุดยิงครั้งนี้ แสดงความหวังว่า คู่กรณีทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดของข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เพื่อยุติสถานการณ์นองเลือด ซึ่งเกิดขึ้นควบคู่ไปกับสงครามในฉนวนกาซา โดยนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตในเลบานอนอย่างน้อย 3,823 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และในอิสราเอลมีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นาย และพลเรือนอย่างน้อย 47 ราย


อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการหยุดยิงมีผล กองทัพอิสราเอลปูพรมโจมตีเป้าหมายทั่วเลบานอน และออกประกาศเตือนชาวเลบานอน ให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณที่ยังมีทหารอิสราเอลประจำการ และพื้นที่ซึ่งอิสราเอลกำลังถอนทหารและสรรพาวุธ ตามเงื่อนไขของการหยุดยิง ที่ต้องดำเนินการภายในเวลา 60 วัน และในระหว่างนี้ หทารเลบานอนจะเข้ามาประจำการตามแนวชายแดนทางตอนใต้ของประเทศ ที่ติดกับภาคเหนือของอิสราเอล


ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ขอบคุณความสนับสนุนจากพันธมิตร ซึ่งร่วมกันผลักดันการหยุดยิงครั้งนี่ ที่จะช่วยให้อิสราเอล “กลับไปให้ความสำคัญ” กับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา แต่ยังคงยืนยันว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะเผชิญกับ “การตอบโต้อย่างสาสม” หากยังคง “คุกคาม” อิสราเอลอีก และระยะเวลาของการหยุดยิงจะยาวนานแค่ไหน “ขึ้นอยู่กับเลบานอน”.

เครดิตภาพ : AFP