นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังควบรวมทรู และดีแทค ทางทรูได้ยกระดับโครงข่ายสู่ความทันสมัย (Network Modernization) ได้ดำเนินการแล้วกว่า 10,800 สถานีฐาน คิดเป็น 64% ของแผนงานทั้งหมด และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 68 ซึ่งการพัฒนาครั้งนี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพเครือข่ายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยความเร็ว 5จึเพิ่มขึ้น 48% ความเร็ว 4จี เพิ่มขึ้น 13% และแบนด์วิธเพิ่มขึ้น 35% ในพื้นที่ที่ได้รับการอัปเกรด (ข้อมูล ณ ไตรมาส 3/67) พร้อมรองรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5จี ที่มีจำนวน 12.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อน
‘ทรู ได้เร่งพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายด้วยการอัปเกรดอุปกรณ์ส่งสัญญาณรุ่นใหม่ที่รองรับการกระจายสัญญาณหลายความถี่ มุ่งเน้นการขยายคลื่น 700 เมกกะเฮิรซ์ และ 2600 เมกกะเฮิรซ์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพคลื่น 700 เมกกะเฮิรซ์ และ 2100 เมกกะเฮิรซ์ ส่งผลให้ลูกค้าทรูและดีแทคได้ใช้งานเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ และมีความเร็วมากยิ่งขึ้น ยกระดับประสบการณ์การใช้งานสู่มาตรฐานระดับโลก นอกจากนั้น ยังเร่งพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย เอไอ ภายใต้กลยุทธ์ 3Zero เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย”
นายประเทศ กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ “3ซีโร่” มุ่งสู่เป้าหมาย 3 ปี แบ่งเป็น 1.Zero Touch นำ เอไอและแมชชีน เลิร์นนิ่ง เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการแบบตรวจจับ วิเคราะห์ แก้ไข และยืนยันการแก้ปัญหาแบบอัตโนมัติ มุ่งยกระดับประสิทธิภาพการบริหารโครงข่ายให้สูงขึ้น 80% พร้อมลดการใช้พลังงานลง 30% และป้องกันความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานได้ถึง 80% 2.Zero Wait ใช้ระบบ AI ที่ปรับแต่งเครือข่ายแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรมผู้ใช้งานแบบไร้รอยต่อ เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายทันที เพื่อประสบการณ์สูงสุดในทุกสถานการณ์ เช่น กรณีมีการรวมตัวใช้งานของกิจกรรมต่างๆ เช่น พื้นที่จัดคอนเสิร์ต หรือกิจกรรมที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น
โดยตั้งเป้าเพิ่มความเร็วในการปรับแต่งเครือข่าย 50% พร้อมแก้ไขปัญหาลูกค้าได้เร็วขึ้น 3-4 เท่า และ 3.Zero Trouble ระบบ เอไอที่ วิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายแบบเรียลไทม์เพื่อคาดการณ์และป้องกันปัญหา พร้อมวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกันโดยตั้งเป้าลดเวลาเครือข่ายขัดข้อง 40% ลดข้อร้องเรียน 40% และเพิ่มความพึงพอใจลูกค้า 30% ภายใน 3 ปี