เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ว่ากระทำผิดมรรยาททนายความเพื่อให้มีบทลงโทษกับทนายความทั้งสองคน ว่า อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสมควรที่จะรับเป็นคดีกระทำผิดมรรยาททนายความหรือไม่ เป็นอำนาจของประธานกรรมการมรรยาททนายความต้องพิจารณาดำเนินการหรือออกคำสั่ง และเมื่อรับเป็นคดีมรรยาททนายความแล้วต้องตั้งกรรมการสอบสวน 3 คน เพื่อทำการไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง และทำหนังสือแจ้งคำกล่าวหาของผู้กล่าวหาให้กับทนายความที่ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อผู้ถูกร้องเรียนยื่นคำคัดค้านหรือคำให้การ โดยจะเชิญคู่กรณีมาทำการไต่สวนอีกครั้ง
ดร.วิเชียร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้อาจมีการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยคณะกรรมการสอบสวนจะใช้หลักในการพิจารณาโดยนำพิธีพิจารณาคดีทางปกครองมาใช้ในการไต่สวน ก่อนสรุปสำนวนพร้อมความเห็นว่า การกระทำของทนายความที่ถูกกล่าวหากระทำผิดหรือไม่ พร้อมบทลงโทษเรื่องใด จากนั้นจะส่งให้ประธานกรรมการมรรยาททนายความนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรรยาทพิจารณากลั่นกรองอีกครั้ง จากนั้นคณะกรรมการจะแจ้งให้นายกสภาทนายความทราบ เพื่อให้นายกสภาทนายความนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสภาทนายความกลั่นกรองอีกครั้ง โดยพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
ดร.วิเชียร กล่าวอีกว่า จากนั้นจะแจ้งให้คู่กรณีทราบผลการวินิจฉัย เพื่อให้คู่กรณีมีสิทธิในการอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 30 วัน ทั้งนี้เรื่องระยะเวลาในการพิจารณาไม่สามารถระบุได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่และผลเป็นเช่นไร
อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกหนักใจ หากผู้กล่าวหามีข้อเท็จจริงในเรื่องของการประพฤติผิดมรรยาททนายความในการลงโทษ พร้อมจะดำเนินการตามกระบวนการ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.