เมื่อวันที่ 23 พ.ย. พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ร่วมกับ ตม.2 และเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายโฮ ไวท์ ฉ่อง อายุ 37 ปี ชาวสิงคโปร์ โดยจับกุมได้ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่มีบันทึกการโทรฯ ออก 1 เครื่อง
ก่อนหน้าการจับกุม เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. วันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งจากพนักงานสายการบินหนึ่ง ที่อยู่ในท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานดอนเมือง มีชายปริศนาพูดไม่ชัด เสียงคล้ายคนจีน โทรฯ เข้ามาที่ประชาสัมพันธ์ของท่าอากาศยาน โดยจับใจความได้ว่า “รู้มั้ยสายการบินแอร์เอเชียที่ไปหาดใหญ่มีระเบิด”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ของการท่าอากาศยาน ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับสายการบิน ประกาศใช้แผนฉุกเฉินยกเลิกเที่ยวบิน จากท่าอากาศยานดอนเมืองเดินทางไปท่าอากาศยานหาดใหญ่ เที่ยวบินที่ FD3114 ของวันที่ 21 พ.ย. โดยทันที
จากนั้นฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ได้ทำการตรวจสอบเบอร์ที่โทรฯ เข้ามาแจ้ง และประวัติการซื้อตั๋วเดินทาง จนสามารถระบุตัวตนเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน ประกอบกับพบสัญญาณครั้งสุดท้ายในพื้นที่สนามบิน เชื่อว่าคนร้ายจะคงอยู่ในพื้นที่สนามบิน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนต่อ จนทราบว่าผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์ยี่ห้อ HAVAL JOLION สีดำ มาจอดที่สนามบินดอนเมือง และขับออกไปภายหลังก่อเหตุ
กระทั่งวันที่ 22 พ.ย. เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในสนามบิน ได้รับแจ้ง พบรถคันดังกล่าวขับมาจอดภายในสนามบินดอนเมือง โดยมีการถอดป้ายทะเบียนหน้าออก จึงเชื่อว่าเจ้าของรถคันนี้น่าจะอยู่ในสนามบิน กระทั่งพบเห็นชายซึ่งมีลักษณะตรงตามภาพวงจรปิด เดินอยู่บริเวณสนามบิน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอตรวจสอบหนังสือเดินทางบุคคลดังกล่าว ทราบชื่อ นายโอ ไวท์ ฉ่อง สัญชาติสิงคโปร์ ซึ่งหนังสือเดินทางปรากฏอยู่เกินกำหนดอนุญาต (OVER STAY) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 28 วัน
จากการสอบสวนนายโอ ไวท์ ฉ่อง ให้การว่า ยอมรับว่าได้เป็นคนโทรฯ ว่ามีระเบิดบนเครื่องจริง โดยก่อนหน้าตนเองมีปากเสียงกับแฟนสาว มา 2-3 วันแล้ว ซึ่งแฟนสาวบอกว่าจะเดินทางกลับบ้านที่ภาคใต้ จึงเดินทางมาที่สนามบินเพื่อที่จะตามหา แต่ไม่เจอ คิดว่าแฟนคงกำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินนี้กลับบ้านเกิด จังหวะมองไปเห็นเบอร์โทรศัพท์ติดไว้ จึงกะว่าจะโทรฯ แกล้งเฉย ๆ ถ้าเครื่องยกเลิกเที่ยวบินได้ แฟนสาวก็จะไม่ไปจากตนเอง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVER STAY)” และหากพบว่ามีการทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ และถ้าการกระทํานั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้นำตัวฝากขังไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา