นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการศึกษาแนวทางการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ สินค้าหม่อนไหม เพื่อทดแทนการผลิตข้าวนาปีในพื้นที่เหมาะสมน้อย (S3) และพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ว่า จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่เพาะปลูกข้าว รวม 1,745,389 ไร่ ปลูกในพื้นที่ระดับความเหมาะสมน้อย (S3) และพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) ร้อยละ 57 ของพื้นที่ปลูกทั้งจังหวัด จากการศึกษาของ สศท.5 พบว่า หม่อนไหมเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ มีโอกาสทางตลาดสามารถปลูกทดแทนข้าวนาปีในพื้นที่เหมาะสมน้อย (S3) และพื้นที่ไม่เหมาะสม (N) เนื่องจากมีราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรทุกเดือน เพราะมีระยะเวลาการเลี้ยงต่อรุ่นสั้นเพียงแค่ 25 – 30 วัน รวมถึงได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ และปัจจัยการผลิตจากหน่วยงานในพื้นที่ จึงเป็นสิ่งจูงใจให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยน
โดยในปี 2566 มีพื้นที่ปลูกหม่อนรวม 12,111 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูกรวม 6,194 ราย การเลี้ยงไหมของเกษตรกร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ไหมหัตถกรรม เกษตรกรร้อยละ 86 เลี้ยงเป็นอาชีพเสริมรายได้ พื้นที่ปลูกหม่อน ประมาณ 1 – 2 ไร่/ครัวเรือน สามารถเลี้ยงไหมเฉลี่ย 7 รุ่น/ปี ซึ่งไหมส่วนใหญ่เป็นพันธุ์เหลืองสระบุรี โดยปี 2566/67 มีต้นทุนการผลิตต่อ 1 รุ่น เฉลี่ย 5,565.63 บาท/แผ่น ผลตอบแทนเฉลี่ย 6,058.10 บาท/แผ่น ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 492.47 บาท/แผ่น หรือ 3,609.80 บาท/ปี/หม่อน 1 ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนทั้งปีจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 44,405.87 บาท/ปี และไหมอุตสาหกรรม เกษตรกรร้อยละ 14 เลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ โดยเกษตรกรจะทำ Contract Farming กับบริษัทจุลไหมไทย จังหวัดเพชรบูรณ์ พันธุ์ที่ใช้เป็นพันธุ์ผสมต่างประเทศ ผลผลิตส่วนมากเป็นรังไหมสีขาว
สำหรับการผลิตรังไหมอุตสาหกรรม โดยปี 2566/67 มีต้นทุนการผลิต 1 รุ่น เฉลี่ย 10,820.13 บาท/กล่อง ผลตอบแทนเฉลี่ย 14,703.26 บาท/กล่อง ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 3,883.13 บาท/กล่อง หรือ 9,707.83 บาท/ปี/หม่อน 1 ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนทั้งปีจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 36,758.15 บาท/ปี ซึ่งหากเทียบกับเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีในพื้นที่เหมาะสมน้อย (S3) และไม่เหมาะสม (N) ตามแผนที่ Agri-Map เกษตรกรได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 373.07 บาท/ไร่/ปี
ราคาไหมที่เกษตรขายได้ ปี 2567 แบ่งเป็น เส้นไหมน้อยเกรด 1 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาท/กิโลกรัม และราคารังไหมอุตสาหกรรม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 250 บาท/กิโลกรัม ด้านสถานการณ์ตลาด ผลผลิต เส้นไหมหัตถกรรม ส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 จำหน่ายให้แก่ผู้รวบรวมในพื้นที่ซึ่งจำหน่ายต่อให้พ่อค้าคนกลางทั้งในและต่างจังหวัด ที่เหลือร้อยละ 10 เกษตรกรจำหน่ายเอง เช่น การออกบูธแสดงสินค้า การจำหน่ายออนไลน์ เป็นต้น ส่วนผลผลิตรังไหมอุตสาหกรรมทั้งหมด เกษตรกรจำหน่าย ให้แก่ โรงงานสาวไหม บริษัทจุลไหมไทย จังหวัดเพชรบูรณ์
ทั้งนี้ หากเกษตรกรหรือท่านใดที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ สินค้าหม่อนไหม เพื่อทดแทนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสม จังหวัดชัยภูมิ สามารถสอบถามได้ที่ สศท.5 นครราชสีมา โทร. 0-4446-5120 หรืออีเมล์ [email protected]