สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีมติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อนุมัติชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 39 ล้านล้านเยน (ราว 8.68 ล้านล้านบาท) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงซบเซา
ทั้งนี้ มาตรการของภาครัฐรวมถึงการแจกเงินสดแบบครั้งเดียว 30,000 เยน (ราว 6,681.34 บาท) ให้แก่ครัวเรือนรายได้น้อย ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีถิ่นที่อยู่ การอุดหนุนค่าก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้า การมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติม ให้แก่ประชาชนในภูมิภาคคาบสมุทรโนโตะ ซึ่งยังคงเดือดร้อน นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ปีนี้ และโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลญี่ปุ่น เกิดขึ้นราว 1 สัปดาห์ หลังการเผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการ ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเมื่อไตรมาสที่สาม หรือระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 0.9% เมื่อเทียบแบบรายปี แต่หากเทียบแบบรายไตรมาส ถือว่าขยายตัวที่ระดับ 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปี ถือว่าน้อยกว่าที่คาดการณ์
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น อยู่ที่ 2.3% เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับปานกลาง และใกล้ถึงเป้าหมาย 2.0% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ)
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดกลับพบว่า ราคาอาหารหลายชนิดปรับตัวเพิ่มขึ้น หนึ่งในนั้นคือราคาข้าว ที่ถือเป็นอาหารหลัก ซึ่งแพงขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นมองว่า เป็นผลจากภัยแล้ง และคำเตือน “แผ่นดินไหวครั้งใหญ่” เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการกักตุนเสบียง.
เครดิตภาพ : AFP