ในที่สุดศาล “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้บารมีเหนือรัฐบาล รวมทั้งพรรคเพื่อไทย (พท. ) ก็รอดพ้นบ่วงกรรม หลัง ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง “นายธีรยุทธ สุวรรณเกสร”ทนายความอิสระ ที่ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยตามรธน. มาตรา 49 ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ใน 6 ประเด็น โดยประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ชี้ว่ายังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามรธน. มาตรา 49 วรรคหนึ่งดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรธน.มาตรา 49 วรรคหนึ่งศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6

สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรธน.มีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้ พิจารณาวินิจฉัยสำหรับประเด็นที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกฯของประเทศกัมพูชาให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าชธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างมาก 7 คนคือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามรธน.มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ส่วนตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และ นายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯขตามรธน. มาตรา 49 วรรคหนึ่งที่ศาลรธน.จะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้.

เชื่อว่าผลการวินิจฉัยครั้งนี้เชื่อ จะทำให้นายทักษิณ มีความมั่นใจมากขึ้นกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพราะช่วงต่อจากนี้จะมีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ. ) หลายจังหวัดซึ่งพรรคพท.คงส่งคนลงสมัคร ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างคะแนนนิยม ต่อการเมืองระดับชาติซึ่งจะมีการเลือกตั้งในปี 2570 โดยคู่แข่งสำคัญของพรรคสีแดงคือ “ ประชาชน(ปชน. ) “ขณะเดียวกันก็ต้องรอดูว่า พรรคพท.จะเอาคืนบรรดานักร้องหรือไม่ โดยเฉพาะการใช้กฎหมายแจ้งความดำเนินคดี

ด้าน “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ให้ความเห็นถึงกรณีศาลรธน.ยกคำร้องกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคพท. กระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครองฯว่า ถือเป็นข่าวดี รู้สึกดีใจไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร ก็ต้องทำงานต่อไป เพราะเราต้องแบ่งเรื่อง เรื่องของประเทศชาติเรื่องนายทักษิณก็ต้องให้กำลังใจ เมื่อถามต่อว่า คำสั่งศาลออกมาเช่นนี้ จะลดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า กรณีของนายทักษิณ สิ่งที่ท่านทำ ก็ไม่ใช่สิ่งถูกฟ้องร้องทำให้คิดว่าทุกคนที่ให้กำลังใจนายทักษิณอยู่ จะรู้สึกโอเคขึ้น รู้สึกนิ่งขึ้น  เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้จะสะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาล เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าสิ่งนี้คือสิ่งจำเป็น ต่างชาติจะได้ไม่ต้องไปคิดว่าการที่รัฐบาลไทยจะอยู่ครบ 4 ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  เขาจะได้คิดว่าจะลงทุนอะไร ความมั่นคงของรัฐบาลเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก 

ขณะที่”นายชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยว่าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพท.มีมติยื่นฟ้องผู้ยื่นคำร้องกรณีกล่าวหาพรรคพท.ล้มล้างการปกครองในข้อหาร้องเท็จต่อศาลอาญา หลังศาลรธน.ไม่รับคำร้อง ส่วนรายละเอียดคณะทำงานกฎหมายพรรคกำลังพิจารณา เมื่อถามว่า จะดำเนินการฟ้องได้เมื่อใด นายชูศักดิ์กล่าวว่า คงเป็นเร็วๆนี้ เมื่อถามว่า การฟ้องครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ดำเนินการลักษณะนี้ต่อไปหรือไม่ นายชูศักดิ์ ตอบว่าการฟ้องโดยอ้างว่าล้มล้างการปกครองถือเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับพรรคการเมืองถือเป็นความผิดมหันต์ที่เขากล่าวหาเราแบบนี้ ส่วนจะป้องกันการกระทำแบบนี้ในอนาคตได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ครั้งนี้เราขอตัดสินใจใช้สิทธิ

ส่วนความเคลื่อนไหวในการเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถ.พิษณุโลกบริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี(ทภ.)พร้อมแนวร่วมคนคลั่งชาติ นำรายชื่อประชาชน 104,697 รายชื่อที่ร่วมเรียกร้องให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป(เอ็มโอยู 2544) ไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมทั้งกล่าวว่าท่านต้องการแสวงหาผลประโยชน์ทางพลังงานเท่านั้น โดยไม่สนใจการเสียดินแดนทางทะเลเพราะท่านขายชาติ อยากฝากบอกรัฐบาลว่าอย่าสบประมาทพวกเรา วันนี้เราแค่มาเตือนคุณชาติบ้านเมืองทุกคนหวงแหน ประเทศนี้ไม่ใช่ของพวกคุณคนเดียว รอบหน้าแสนคนนี้จะมาที่ทำเนียบรัฐบาล

ด้าน” น.ส.แพทองธาร” ยังกล่าวถึงกรณีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคทภ.นำกลุ่มมวลชนคนคลั่งชาติ พร้อม 104,697 รายชื่อ มายื่นเพื่อให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 เพราะมองว่าทำให้ไทยเสียดินแดน ว่า เส้นที่ขีดไว้ทั้งกัมพูชา และไทยเป็นเรื่องของพื้นที่อ้างสิทธิ ไม่ใช่พื้นที่ที่เคาะแล้วว่าของใคร ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเกาะกูดและเป็นสิ่งที่เราต้องตั้งคณะกรรมการคุยกัน  ซึ่งไม่ได้มีการแบ่งพื้นที่ แต่เราแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นก๊าซธรรมชาติของกัมพูชา จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาว่าจุดนี้จะทำกันอย่างไรและการที่มีเอ็มโอยูเพื่อนำข้อที่ไม่เห็นด้วยมาคุยกัน  ถามว่าที่มาล่ารายชื่อจะยกเลิกเพื่ออะไรให้เอาเหตุผลมาคุยว เมื่อถามว่ารัฐบาลพร้อมคุยใช่หรือไม่ เพราะเขาอยากดีเบต นายกฯ กล่าวว่าประชาชนทุกคนมีความหมายอยู่แล้ว ถ้าข้อมูลด้านไหนไม่พอให้ถามเพิ่มเติมมาได้ส่วนการตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคเจทีซี ใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นายกฯและรมว.กลาโหม คงจะเป็น ประธานคณะกรรมการฯ.

ถือว่าน่าสนใจ ที่หัวหน้ารัฐบาลพร้อมเปิดทาง ให้กลุ่มคัดค้านเอ็มโอยู 44 เข้ามาพูดคุยซึ่งอาจเป็นใจในข้อมูลหลักฐาน โดยก่อนหน้านั้น นายสุรเกียรติ เสถียรไทย “ อดีตรมว.ต่างประเทศและกระทรวงต่างประเทศ ก็ยืนยันเป็นเพียงกรอบเจรจา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดินแดนอีกทั้งศาลรธน.ยังวินิจฉัยคำร้อง “นายทักษิณ ชินวัตร”สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกฯของประเทศกัมพูชาให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าชธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามรธน.มาตรา 49 วรรคหนึ่ง 

ยังเดินหน้าความจริงกรณี “นายทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกฯ เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดย“นายรังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.)ในฐานะประธานคณะกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลกรณีนายทักษิณ เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจว่า เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติพร้อมที่จะเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นสารตั้งต้นในกระบวนยุติธรรมกฎหมายต่อไป โดยมี  3 ช่วงประกอบด้วยคือช่วงแรกการที่มีการส่งตัวนายทักษิณ ไปรพ.ตำรวจ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ส่วนที่สองการอยู่ในรพ.ตำรวจเป็นการอยู่โดยชอบหรือไม่ จำเป็นต้องอยู่ในห้องวีไอพีหรือไม่และช่วงที่สามคือช่วงออกจากรพ.โรงพยาบาล แต่เราไม่มีอำนาจ ในการให้คุณหรือโทษกับนายทักษิณ ได้แต่กมธ.มีอำนาจในการตรวจสอบ อยากฝากไปถึงข้าราชการทั้งหมด ว่าถ้าเรื่องนี้มีมูลความผิดจริงมีแกล้งป่วยหรือป่วยทิพย์ หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ สุดท้ายจะรอดพ้นหรือไม่ติดคุกจึงอยากให้ข้าราชการน้ำดีทุกคน ส่งเรื่องมาที่กมธ.ความมั่นคงฯพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบ

ในการประชุมคณะกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ​ นี้ได้เชิญนายทักษิณ มาชี้แจง​ แต่ปรากฏว่า​ไม่ได้มีการแจ้งตอบรับเข้าร่วมประชุมหรือไม่​แต่ในส่วนที่ตอบรับมา​ คือ​ พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ​ กรมราชทัณฑ์​ ได้มอบหมายให้​ ผอ.กองทัณฑปฏิบัติ​ กลุ่มงานพักการลงโทษ​มาชี้แจง​แทน​ โดย ”พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า นายทักษิณ​ เคยถูกปองร้ายเคยโดนคาร์บอม เมื่อเรียกร้องให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมการดำเนินการใช้ห้องควบคุมพิเศษ ก็เป็นดุลยพินิจ​ของ ผบ.ตร. รพ.ตำรวจและการเข้าเยี่ยมก็มีรายการการเข้าเยี่ยมทั้งหมดการเอาสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดทำร้ายกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม​ มีคนนำคำพูดไปยื่นต่อ ป.ป.ช.​ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีการสอบอย่างละเอียด​ พร้อมยืนยันว่ากมธ.​ไม่ใช่การสอบสวนในทางการเมืองเราต้องไปข้างหน้า​ อย่ามาด้วยค่ากัน แต่มีหลักฐานยืนยันทำตามระเบียบทั้งหมด

ขณะที่”นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์” สส. พรรคพท.ในฐานะกมธ.ขอใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นว่าคำถามบางคำถามและการชี้แจงไม่ใช่หน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี อย่างเช่นที่จะไปชั้น14 ถ้าหากใครยังมีความสงสัยอยู่ ขอแนะนำง่ายๆถ้าอยากจะใช้บริการของท่านรัฐมนตรี ก็ลองไปเป็นนักโทษดูท่านจะรู้ว่าท่านทักษิณได้ใช้บริการนี้คุณจะได้ใช้บริการเดียวกันหรือไม่พูดกันตรงๆในฐานะที่ชีวิตเคยผ่านคุกผ่านตารางมาก่อน

ภายหลังการประชุมกมธ.ความมั่นคงฯ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อาการป่วยของนายทักษิณ ได้เห็นใบแสดงความเห็นของแพทย์ มีเยอะมาก ซึ่งไปดูในเวชระเบียนว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมรับปาก และไม่ปฏิเสธเลยว่าจะไม่ส่งเอกสารให้กับเรา มีอีกหลายท่านที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ได้มา ไม่ว่าจะเป็นนายแพทย์ใหญ่หรือผู้ช่วยผบ.ตร.ได้หารือกันในกมธ.มีข้อสรุปว่า จะเดินทางกันไปรพ.ตำรวจและจะเชิญคุณหมอที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วยและตั้งใจจะไปดูชั้น 14 ว่าสุดท้ายแล้วบรรดาข้อครหานั้นเป็นอย่างไร จะได้สิ้นสงสัยกันไปนอกจากนี้พ.ต.อ.ทวี ได้ให้ข้อมูลกับกมธ.ว่าในส่วนของค่าใช้จ่ายจำนวนล้านกว่าบาทอดีตนายกฯเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด

ส่วน “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง “รมว.ยุติธรรมให้สัมภาษณ์หลังเข้าชี้แจงต่อคณะกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯว่า ให้ข้อมูลตามที่ได้รับรู้จากเอกสารและตอบข้อเท็จจริงทุกคำถามของ กมธ. ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมทุกคน
ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าให้ความจริงได้ ที่ไม่มีกฎหมายห้าม ส่วนใครเห็นต่างกว่านั้นก็ต้องมีหลักฐานไปหักล้าง เมื่อถามถึงกรณีเวชระเบียนจะสามารถให้กับป.ป.ช.ได้หรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า อยู่กับทางรพ. ซึ่งตามกฎหมายสุขภาพแห่งชาติ มาตรา7 เป็นกฎหมายที่เข้มงวดจะต้องถามผู้ป่วยว่าจะอนุญาตหรือไม่แต่ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าได้รับค่ารักษาพยาบาลตลอดที่พักรักษาตัวซึ่งในค่ารักษาพยาบาลจะระบุถึงค่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล มันอาจดีกว่าเวชระเบียน  ซึ่งเวชระเบียนมีจริงในฐานะที่ต้องรับทราบตามกฎหมายเมื่อครบ120วัน รวมถึงยังมีใบแพทย์อีกด้วย

นอกจากกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ทางป.ป.ช. ยังเดินหน้าตรวจสอบอยู่ต้องรอการชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไปหักล้างข้อร้องเรียนได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้น กสม.ก็เคยชี้แล้วว่า การรักษาตัวนายทักษิณ มีการเลือกปฏิบัติ

“ทีมข่าวการเมือง”