เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พ.ย. 67 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม กมธ.ความมั่นคงฯ ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจง ว่า ต้องยอมรับมีเวลาพูดคุยกับ รมว.ยุติธรรม น้อยมาก ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตนขอย้ำว่า กมธ. ชุดนี้ มีอำนาจในการพิจารณา แม้ว่าหน่วยงานจะโต้แย้ง และไม่เห็นด้วย แต่หน่วยงานก็ไม่มีอำนาจในการชี้ในการส่วนของกฎหมายที่ให้อำนาจเรา ซึ่งเรามีอำนาจในการที่จะพิจารณาว่าอยู่ในกรอบคณะของเรา บทพิสูจน์ของการพิจารณามาแล้ว 54 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 55 ก็พิสูจน์ว่า เราใช้แนวปฏิบัติเดิมมาโดยตลอด เราไม่ได้ใช้วิธีพิสดาร หรือรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมในการพิจารณาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความไม่สบายใจอยู่บ้าง สุดท้ายก็มีการประชุมลับในส่วนของ กมธ. ซึ่งเป็นเรื่องของแนวทางว่าเราจะเดินหน้ากันอย่างไร และข้อสรุปว่าเดินหน้า ก็สามารถที่จะสอบถามกันต่อไป

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในเรื่องเนื้อหาสาระที่มีการพูดคุยกันในส่วนของขาออกจากเรือนจำไปที่โรงพยาบาลตำรวจ การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และการได้พักโทษ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่า ด้วยข้อจำกัดเวลา เราไม่สามารถสอบถามได้ครอบคลุมทุกรายละเอียด แต่มีข้อมูลเพิ่มเติม ที่อาจจะแตกต่างจากรอบที่แล้วอยู่บ้าง เช่นจากเดิมที่เราได้รับข้อมูลว่าการที่นายทักษิณ ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจก่อนหน้านี้ เราได้รับข้อมูลว่าเป็นแค่เพียงพยาบาล 2 ท่าน ที่เป็นผู้ลงนาม ซึ่งก็ยืนยันว่าเป็นความจริง แต่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้รับข้อมูลว่ามีแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการวินิจฉัยในเรื่องนี้ ฟังดูเหมือนรอบที่แล้ว มีเฉพาะพยาบาลเป็นผู้วินิจฉัย และโทรฯ หาคุณหมอก็จบ แต่วันนี้เราได้รับข้อมูลใหม่ว่า ในช่วงเวลา 11.00 น. ของวันดังกล่าว มีคุณหมอจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในการพิจารณาสุขภาพร่างกายของนายทักษิณ ก่อน และหลังจากนั้นฟังดูเหมือนช่วงกลางคืน อาการของนายทักษิณก็ออกมา จึงมีการสั่งการให้ส่งตัวนายทักษิณ ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งวันนี้เราได้รับข้อมูลเพียงเท่านี้ และเรายังไม่ทราบว่าชื่อของคุณหมอเป็นใคร

“เรื่องของอาการป่วย ผมได้เห็นใบแสดงความเห็นของแพทย์ ก็มีอาการป่วยของนายทักษิณหลายอย่าง และท่านรัฐมนตรียืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่อยากให้เปิดเผยในรายละเอียด แต่เอาว่าการป่วยมีเยอะมาก หลากหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะขัดกับความรู้ที่เราเห็นนายทักษิณลงจากสนามบิน แต่ไม่เป็นไร อันนี้ต้องไปดูในเวชระเบียน ว่าสุดท้ายแล้วเวชระเบียนจะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้ท่านรัฐมนตรีรับปาก และเราฟังตรงกันว่า รัฐมนตรีไม่ปฏิเสธเลยว่าจะไม่ส่งเอกสารให้กับเรา ดังนั้นเอกสารที่เราขอไปกว่า 10 รายการที่มีเวชระเบียนด้วย เราก็หวังว่าเราจะได้จากทางท่านรัฐมนตรี ซึ่งเราต้องจัดให้อยู่ในความเหมาะสม” นายรังสิมันต์ กล่าว

ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่เป็นข้อมูลในเรื่องของชั้น 14 ว่าตกลงแล้วเป็นห้องควบคุมพิเศษตามกฎหมายหรือตามระเบียบข้อบังคับราชการหรือไม่ คือข้อมูลที่เราได้รับ ว่าท่านรัฐมนตรีก็ไม่เคยไปตรวจสอบ ว่าชั้น 14 อยู่ภายใต้กฎหมายหรือระเบียบหรือไม่ ท่านก็เพียงแต่เชื่อจากข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา เชื่อจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ในเมื่อท่านไม่เคยไปดู ถ้าท่านยืนยันก็ตามนั้น ในส่วนถัดมาคือเรื่องให้คะแนน ว่าอดีตนายกฯ เป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งในส่วนนี้เมื่อผลคะแนนออกมา ท่านได้แจ้งกับ กมธ. ว่าตอนนี้ได้มีการให้รองปลัดกระทรวงฯ ไปตรวจสอบ แต่เรายังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร แต่ตนก็อนุมานว่า ผลการตรวจสอบคงจะไม่เป็นลบอะไร เพราะไม่ได้มีการชี้แจงจากทางกระทรวงยุติธรรม ในทำนองว่าการให้คะแนนกับกรณีของนายทักษิณ อาจจะเป็นการให้คะแนนที่ผิด ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ หรือมีการช่วยเหลือกัน ไม่ได้มีข้อเท็จจริงแบบนั้นออกมา

ซึ่งก็เดาว่าท่านคงเชื่อว่าการดำเนินงานทั้งหมดถูกต้องแล้ว และต้องยืนยันว่า มีอีกหลายท่านที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ได้มา ไม่ว่าจะเป็นนายแพทย์ใหญ่ หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกันใน กมธ. มีข้อสรุปว่าจะมีการเดินทางกันไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนวันเวลานั้นจะต้องหารือกันอีกครั้ง ซึ่งตั้งใจจะไปประชุมกันที่นั่นด้วย และจะเชิญคุณหมอที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย และตั้งใจจะไปดูชั้น 14 ว่าสุดท้ายแล้ว บรรดาข้อครหานั้นเป็นอย่างไร จะได้สิ้นสงสัยกันไป 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ทาง พ.ต.อ.ทวี ได้ให้ข้อมูลกับ กมธ. ว่าในส่วนของค่าใช้จ่าย ที่คราวที่แล้วเราได้รับข้อมูลว่าล้านกว่าบาท ซึ่งวันนี้เราได้รับข้อมูลใหม่ว่า อดีตนายกฯ เป็นคนจ่ายเองทั้งหมด อย่างไรก็ตาม วันนี้เราไม่ได้เชิญเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนายทักษิณ อาจจะยกยอดออกไปก่อน คงเอาส่วนราชการให้ครบถ้วน เพราะเราไม่มีอำนาจบังคับนายทักษิณ.