เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาอัดคลิปแสดงความเห็น ภายหลังจากที่ศาลอาญา ได้อ่านคำพิพากษาคดีตัดสินประหารชีวิต นางสรารัตน์ รังสิตวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ 36 ปี ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ อายุ 40 ปี อดีตสามี จำคุก 1 ปี 4 เดือน ด้าน นางสาวธันย์นิชา หรือ ทนายพัช ให้จำคุก 2 ปี ชดใช้ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท
-เปิดคำพิพากษา ‘แอม ไซยาไนด์’ วางยาฆ่าเพื่อนชิงทรัพย์ จำเลยหัวเราะไม่มีสลด!

โดย อ.อ๊อดได้เผยว่า “คดีของแอมไซยาไนด์ ซึ่งอ.อ๊อดเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการตรวจพยานซึ่งมีเยอะมากกว่าพันตัวอย่าง ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งคดีที่ อ.อ๊อด ในฐานะบุคลากรของ ม.เกษตรศาสตร์ มีความภาคภูมิใจมากที่ได้ช่วยในคดีนี้”

การสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้ ใช้ระยะเวลามากกว่า 3 เดือน ส่วน อ.อ๊อดได้ทำงานร่วมกับตำรวจเป็นระยะเวลาเดือนกว่า ในช่วงของการตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งมีเยอะมาก การตรวจสารไซยาไนด์ที่แล็บของ อ.อ๊อด ทั้งหมด ดวงวิญญาณทั้ง 14 ดวงที่อยู่บนสวรรค์ โปรดรับรู้ว่า ตอนนี้คนผิดได้ถูกศิลพิพากษาตัดสินประหารชีวิต คดีนี้ต้องดูกันยาวๆ อ.อ๊อดเชื่อว่าเมื่อถึงศาลฎีกาแล้วจะมีการตัดสินยืนแน่นอน แม้จะมีการอภัยโทษหรือไม่ก็ตาม แต่ก็จะต้องอยู่ในคุกไปค่อนชีวิต หรืออาจจะเสียชีวิตในคุกด้วยซ้ำ

การสอบสวนคดีในใช้ระยะเวลามากกว่าสามเดือน มีการสอบปากคำพยานมากกว่า 900 ปาก นี่คือสาเหตุว่าในวันที่ทำคดี เราสู้กันถึง 4 ทุ่ม อ.อ๊อดก็ต้องไปนั่งรอเพื่อที่จะขึ้นเบิกความในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสารไซยาไนด์ ปากคำพยานมากกว่า 900 ปากและการรวบรวมเอกสารเพื่อสั่งฟ้องศาลเป็นจำนวนถึง 26,500 แผ่น ตำรวจได้สรุปสำนวนดำเนินคดี ทั้งหมด 15 คดี ตาย 14 คน รอด 1 คน แจ้งข้อหา 75 ข้อหาแล้วก็ดำเนินคดีกับบุคคลใกล้ชิดกับแอมไซยาไนด์ด้วย คดีนี้ถือได้ว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ผู้ต้องหาวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องยาว โดยใช้สารพิษไซยาไนด์ในการก่อเหตุ การดำเนินคดีและการตัดสินลงโทษในครั้งนี้จะเป็นเครื่องยืนยันในความตั้งใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ

ในช่วงการรวบรวมพยานหลักฐาน 15 เคส รอด 1 คน ตาย 14 ศพ ในช่วงนั้นเราใช้เทคนิคในการตรวจสอบ 3 เทคนิค เป็นการสแกนหาสารพิษไซยาไนด์เนื่องจากตัวอย่างที่มาตรวจมีจำนวนมาก ,การตรวจหาไซยาไนด์โดยใช้เทคนิคการระเหย และเทคนิคที่สาม การทำให้สารไซยาไนด์แตกตัวเป็นประจุบวก เพื่อแมชชิ่งให้ได้ 100% ว่าเป็นสารตัวเดียวกันกับ “แอม” สั่งซื้อ ที่ตำรวจยึดมาได้ ซึ่งเทคนิคนี้แหละเป็นจุดตายที่ทำให้ตัวฆาตกร และทนายของฆาตกรดิ้นไม่หลุด เนื่องจากเขาบอกว่าไซยาไนด์มันมีอยู่ในธรรมชาติได้

“เขาพยายามทำให้เกิดข้อสงสัยที่จะทำให้หลุด แต่หลุดไม่ได้นะครับ เพราะ 3 เทคนิคที่ อ.อ๊อดใช้เขาเรียกว่ามัดตราสังไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของแก๊สไฮโดรเจนไซนาไนด์ โพแทสเซียมไซยาไนด์ เราตรวจได้หมด” และที่สำคัญก็คือไอออนโครมาโทกราฟี ตรวจได้ลึกถึง 1 ส่วนในพันล้านส่วน ซึ่งละเอียดมาก จนทำให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานใน CSI มีความมั่นใจที่จะเก็บพยานหลักฐานได้เยอะ

“นี่คือ Behind The Scene ที่อ.อ๊อดอยากเล่ามานาน เราก็ปิดจุดอ่อนได้ตอนที่ไปเบิกความที่ศาล ซึ่งคนร้ายรู้เรื่องไซยาไนด์เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือมีโซเดียมไธโอซัลเฟตอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันเป็นยาแก้พิษไซยาไนด์ มันจะมีไว้ทำแป๊ะอะไรถ้าไม่มีไว้กันเหนียวว่ามันจะโดน เพราะผงไซยาไนด์มันฟุ้ง ก็อาจจะโดนพิษ เลยมียาแก้พิษแล้วฉีดเข้าเส้นเลือดดำก็สามารถที่จะถอนพิษไซยาไนด์ได้ทัน ไม่เสียชีวิต เพราะฉะนั้นเคสนี้ก็เป็นเคสที่น่ากลัว ก็ยังดีที่ไม่เกิดกับคนอื่นอีก”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Weerachai Phutdhawong