เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายประกัน บุษบงค์ รองผู้จัดการด้านเทคนิคการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิต พร้อมด้วย ร.ต.อ.เอกชลิต สีสัน รองสารวัตรสอบสวน สภ.คูคต กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คูคต และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ารังสิต พร้อมด้วยหมายค้นจากศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 2 แห่ง หลังพบว่ามีการลักลอบใช้ไฟฟ้า มูลค่าความเสียหาย 2 ที่รวมกันประมาณ 1.2 ล้านบาท

โดยที่แรกเข้าตรวจสอบภายในซอยถนนพหลโยธิน 62 แยกที่ 20 เป็นตึกอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นเลขที่ 611/10 ต.คูคต. อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าของอาคารพาณิชย์ดังกล่าว หลังจากทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าพบพิรุธในการใช้ไฟ โดยการตรวจสอบจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ผ่านหม้อแปลงไฟฟ้าพบมีกระแสไฟไหลเข้าทำงานแต่มิเตอร์ไม่หมุนและในการจ่ายค่าไฟเป็นศูนย์ จึงทำการตรวจสอบพบว่า มีการเจาะด้านหลังหม้อแปลงไฟฟ้าแล้วใช้สารเคมีบางอย่างหยอดที่เฟืองเพื่อไม่ให้เฟืองหมุน นอกจากนั้นบริเวณชั้น 4 ยังพบเครื่องมืออุปกรณ์บิตคอยน์ จำนวน 18 เครื่อง ทำงานเสียงดังกระหึ่ม ตีล้อมด้วยไม้อัด และพัดลมเป่าความร้อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนความเสียหายในครั้งนี้ เบ็ดเสร็จแล้วรวมค่าปรับด้วยประมาณ 620,000 บาท

จากการสอบถามเจ้าของตึกดังกล่าวกล่าวว่ามีชายวัยรุ่น 2 คนมาขอเช่าทำสัญญาเช่าตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม คร่าวๆ นับถึงวันนี้ก็ประมาณ 4 เดือน ซึ่งหลังจากทำสัญญาเช่าก็ไม่เคยพบเจอวัยรุ่นดังกล่าวอีกเลย นอกจากจะโทรฯ ไปสอบถามเรื่องค้างค่าเช่าล่าช้า ไม่มีการรับสาย สักพักหนึ่งกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็จะโอนเงินเข้ามาให้ตน โดยตนให้เช่านั้นราคาเดือนละ 8,000 บาท ทราบชื่อในสัญญาเช่าชื่อ นายภัชรกร (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี

ส่วนจุดที่สองภายในซอยพหลโยธิน 60/1 เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ไม่มีเลขที่ ต.คูคต. อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยรับแจ้งจากการไฟฟ้าว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นอาคารตึกร้างลักษณะเหมือนไม่มีคนอยู่แต่จะได้ยินเสียงเหมือนเครื่องอะไรกำลังทำงานจากชาวบ้านที่แจ้งมา จึงให้เจ้าหน้าที่วัดกระแสไฟพบกระแสไฟจากมิเตอร์วิ่งเข้าภายในตัวตึก จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตัดกุญแจเพื่อตรวจสอบภายใน พบบริเวณชั้น 3 มีอุปกรณ์บิตคอยน์ จำนวน 12 ตัว ทางเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินการยึดไว้เป็นของกลาง ความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 620,000 บาทเช่นกัน เปิดให้เช่ามาแล้วประมาณ 4 เดือน คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันจึงนำของกลางทั้งหมดไปที่ สภ.คูคต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน นายประกัน กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากที่มีผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ในอาคารบริเวณที่ตรวจพบนั้น เป็นลักษณะอาคารที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย เหมือนอาคารร้างทั้งสองจุด แล้วผู้ใช้ไฟได้ยินเสียงพัดลมทำงานเสียงดัง จึงได้มีการติดต่อแจ้งมายังการไฟฟ้า จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการใช้ไฟแต่มิเตอร์ไม่หมุน เมื่อตรวจสอบอีกก็พบว่ามีการใช้ไฟจริง แต่น่าจะมีการดัดแปลงตัวมิเตอร์ พอเข้าไปตรวจสอบก็พบว่ามีการละเมิดจริง ๆ

เบื้องต้นจึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.คูคต ซึ่งโดยการละเมิดมีด้วยกัน 2 จุด โดยได้มาแจ้งความและทางตำรวจได้ทำการขอหมายค้นและเข้าไปตรวจค้น โดยจุดแรกได้ทั้งหมด 18 เครื่อง และจุดที่สองได้ทั้งหมด 12 เครื่อง รวมทั้งหมด 30 เครื่อง โดยความเสียหายเฉลี่ยแต่ละที่ใน 1 เดือนค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 1 แสนบาท ซึ่งตอนนี้ก็กำลังตรวจสอบต่อไปว่า มาขอติดตั้งนานหรือยัง คาดว่าค่าเสียหายน่าจะเกินหลักล้านบาท.