สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่า นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย กล่าวถึงการที่ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธนำวิถี “อะแทคซิมส์” รุ่นใหม่ของสหรัฐ ซึ่งมีพิสัยทำการไกลถึง 300 กิโลเมตร โจมตีเป้าหมายทางทหาร ในภูมิภาคเบรียนสก์ ที่อยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร สะท้อนเจตนาของฝ่ายตะวันตก ว่าต้องการยกระดับความรุนแรงของสงคราม และรัสเซีย “จะตอบสนอง” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ลาฟรอฟกล่าวด้วยว่า ไม่มีทางที่ทหารยูเครนจะใช้งานระบบอะแทคซิมส์ได้เอง หากสหรัฐไม่ช่วยเหลือ แต่ยังปฏิเสธกล่าวเพิ่มเติม ว่ารัสเซียจะตอบโต้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
❗️THE USE OF ATACMS IN THE RUSSIAN BRYANSK REGION IS A SIGNAL THAT THE UNITED STATES WANTS ESCALATION — Russian FM
— Sputnik (@SputnikInt) November 19, 2024
I hope that the West is carefully studying the updated nuclear doctrine of Russia, Sergey Lavrov said.
He also added that he could not confirm information that the… https://t.co/pmvcV816sg pic.twitter.com/bftH536Tr8
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวมานานระยะหนึ่งแล้ว ว่าการที่ยูเครนใช้อาวุธของตะวันตก โดยเฉพาะจากสหรัฐ โจมตีดินแดนของรัสเซีย ถือว่ารัฐบาลวอชิงตัน “มีความเกี่ยวข้องโดยตรง” กับการสู้รบ
นอกจากนี้ รัฐบาลมอสโกปรับเนื้อหาสำคัญของหลักนิยมการใช้นิวเคลียร์ สรุปได้ว่า จากเดิมที่รัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์กับประเทศที่ไม่ได้มีอาวุธแบบเดียวกัน เป็นรัสเซียสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์กับประเทศแห่งนั้นได้ หากประเทศดังกล่าวได้รับความสนับสนุนจากชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์.
เครดิตภาพ : AFP