กล้วย แม้ว่าจะเป็นผลไม้ยอดนิยมที่มีประโยชน์มากมายแม้กระทั่ง “เปลือกกล้วย” ที่คนไทย เชื่อได้ว่าต้องปอกกินเสร็จแล้วต้องที่แน่นอน ทั้งที่มีประโยชน์มหาศาลไม่แพ้กัน เพราะมี โพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและกล้ามเนื้อ ช่วยปรับปรุงการเผาผลาญ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ใยอาหารในเปลือกกล้วยยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ปรับปรุงการย่อยอาหาร และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย

อย่าทิ้ง!! “เปลือกกล้วย” ประโยชน์มหาศาล

อย่างไรก็ตาม ได้มีนักโภชนาการ อย่าง คอลลีน สปีด รองศาสตราจารย์ด้านโภชนาการ จากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต สหรัฐอเมริกา ออกมาเตือนว่าการกินกล้วยมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคไตได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ที่ต้องคุมปริมาณโพแทสเซียม อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม อาจรบกวนยาบางชนิดที่รักษาความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจล้มเหลว โดยใครที่ป่วยมีความกังวล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินกล้วยในแต่ละครั้ง เพราะภาวะโพแทสเซียมสูงในเลือดมากเกินไป อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้ไตทำงานหนัก ซึ่งจะเป็นอันตรายมากโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันทาง American Heart Association ก็เคยออกมาแนะนำให้รับประทานกล้วยเพิ่มควมหลากหลายในการกินอาหาร สำหรับผู้ที่ไม่มีภาวะป่วยโรคไต ในการกินกล้วย เพราะกล้วยจะเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อรับประทานในปริมาณมากๆ

ทั้งนี้ แคทเธอรีน คอลลินส์ นักโภชนาการชาวอังกฤษ เคยให้ข้อมูลกับ BBC ว่า กล้วยช่วยรักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้คงที่ ช่วยกระตุ้นการปล่อยอินซูลินจากตับอ่อน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสิ่งสำคัญกว่าคือการควบคุมความดันโลหิต และไม่ควรกังวลกับการกินกล้วยในปริมาณมากๆ เพราะ ในคนปกติสุขภาพดี ต้องกินกล้วยถึง 400 ลูกต่อวัน จึงจะผลิตโพแทสเซียมในระดับที่สูงจนสามารถที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้