เรียกได้ว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเปิดเกมรุกอย่างหนักในการเรียกความเชื่อมั่น และคะแนนความนิยมกลับมา เห็นได้จากที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เมืองหลวงของคนเสื้อแดง จังหวัดอุดรธานี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของ นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย เพื่อหวังที่จะกู้คืนเมืองหลวงของคนเสื้อแดงกลับมาเพราะจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเสียพื้นที่ไปถึง 3 เขต การเลือกตั้งครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งสำคัญที่จะวัดคะแนนว่าคนอุดรฯยังเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยหรือไม่
จึงไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยต้องใช้แกนนำ และ บุคคลที่มีอิทธิพลของพรรคมาลงพื้นที่ช่วยหาเสียง แต่อย่าลืมว่าการขึ้นเวทีปราศรัยของนายทักษิณ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการขึ้นปราศรัยครั้งแรกในรอบ 18 ปีในสนามเลือกตั้งจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าลีลาในการปราศรัยอาจจะมีติดขัดและตื่นเต้นไปบ้าง เพราะไม่ได้ขึ้นปราศรัยมานาน
นายทักษิณ ก็ยังทิ้งลูกอ้อนต่างๆให้กับชาวอุดรฯ รวมถึงการพูดถึงนโยบายต่างๆของรัฐบาลตั้งแต่ในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงอยู่ไปจนถึงนโยบายใหม่ที่รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินหน้าทำอยู่ในปัจจุบัน พร้อมเปรยออกมาว่าในปีหน้าประเทศไทยจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ พร้อมยอดลูกอ้อนไว้ว่า “ ขอให้พี่น้องมีพลังมีกำลังใจ วันนี้เพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลแล้ว เป็นพรรคที่เป็นนักแก้เศรษฐกิจ นักแก้ปัญหายาเสพติด นักกระจายอำนาจลงสู่ภาคประชาชน และวันนี้จะเป็นนักแก้การผูกขาด ขอให้พี่น้องอดทนมาร่วมกันอีกนิดเดียว”
การปราศรัยของนายทักษิณ ทั้ง 3 เวทีที่ขึ้นปราศรัยนั้น เห็นได้ชัดว่าลีลาการปราศรัยก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงหนึ่งในการปราศรัยหาเสียงนายทักษิณได้ระบุว่า วันนี้สิ่งที่ตน ห่วงที่สุดคือคนรากหญ้า สิ่งที่ยากเลยคือ นักการเมืองเฮงซวย หากการเมืองเฮงซวยเมื่อไหร่ นักการเมืองก็เฮงซวยตาม และเขาก็สร้างระบบกติกาให้การเมืองมันเฮงซวยขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ตนออกไป
ดูเหมือนการขยับตัวของนายทักษิณแต่ละครั้งก็เป็นที่จับตามองจากทุกฝ่าย และยิ่งการขึ้นเวทีปราศรัยครั้งนี้นั้นทำให้มีหลายคนคอยจับตาการออกลีลาของนายทักษิณ แทบจะทุกคำพุดที่ออกมา ซึ่งล่าสุด นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช ก็ออกเตือนนายทักษิณว่า การปราศรัยนั้น “ระวังปากพาจน” เพราะเป็นการใช้คำพูดที่ดุเดือดรุนแรง วิญญาณเดิมกลับคืนมา โดยไม่สนใจอะไรในสังคม มีหลายคำที่พูดเป็นคำหยาบ เหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้ง
นอกจากนี้การปราศรัยของ นายทักษิณ ยังได้ใช้ลีลาฟาดฟันพรรคคู่แข่งในการเลือกตั้ง อย่างพรรคประชาชน ที่ก็ได้ส่งแกนนำใหญ่มาลงพื้นที่หาเสียงถึง 3 คน โดยเฉพาะการที่พูดบนเวทีถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าต้องรีบบินกลับมาจากอเมริกา ทันทีที่รู้ว่าตนจะมาขึ้นเวทีปราศรัย เพราะกลัวว่าจะแพ้การเลือกตั้ง
งานนี้นายพิธา เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดอุดรฯเพื่อช่วย นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกอบจ.อุดรานี พรรคประชาชน หาเสียง ก็ได้โต้กลับนายทักษิณ ว่า การที่ตนบินมาจากสหรัฐอเมริกา ที่อีกฝ่ายบอกว่ากลัวแพ้ บอกได้เลยไม่ได้กลัวแพ้ นักการเมืองไม่กลัวแพ้ แพ้มาก็เยอะ ชนะมาก็เยอะ แต่หากแพ้ก็ไม่มีปัญหา หลักการทำงานของประชาชนถ้าชนะก็ทำงาน มีแต่เผด็จการเท่านั้นที่กลัวแพ้การเลือกตั้ง วันนี้มั่นใจมาก เพราะเชื่อว่าอุดรฯไม่ใช่เมืองหลวงของพรรคใด แต่เป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย
คงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าการเลือกตั้งที่ดุเดือด ที่จังหวัดอุดรธานีครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะทวงคืนให้กลับมาเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงได้อีกครั้งหรือไม่ จะชนะถล่มทลายหรือไม่ เพราะหากแพ้ขึ้นมาจริงๆ งานนี้นายทักษิณ คงต้องเตรียมปี๊บคลุมหัวเพื่อกลับไปเยี่ยมชาวอุดรฯ ตามที่กล่าวไว้บนเวทีก็เป็นได้