กรณีพบศพหญิงวัย 50 ปี สูงประมาณ 155 ซม. สวมเสื้อลายดอกสีฟ้าเข้ม กางเกงขายาวสีครีม นอนคว่ำหน้าอยู่ริมถนนลูกรังภายในสวนปาล์ม หมู่ 3 ต.ป่ายุบ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง สภาพนิ้วนางทั้งสองข้างถูกตัดออก หน้าผากมีบาดแผลยุบ คล้ายถูกของแข็งกระแทกเป็นแผลฉกรรจ์ มีเลือดไหลออกมา บริเวณท้ายทอยมีบาดแผลคล้ายของมีคมฟันเป็นแผลลึก ใกล้กันพบรองเท้าตกอยู่ ในตัวศพนั้นไม่มีเอกสารใดๆ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4-6 ชั่วโมง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พ.ย.คืนลอยกระทงที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พบร่างสาวนิรนามถูกสังหาร หิ้วทิ้งป่าหญ้าริมถนน ตร.ชี้ถูกทุบหน้าผาก-ตัดนิ้วนางทิ้ง 2 ข้าง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ผกามาศ รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังจันทร์ ระยอง เปิดเผยว่า ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว คือ นางวรรณา คอท์เนอร์ อายุ 67 ปี โดย น.ส.วรรณรัตน์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี บุตรสาวได้เข้าแจ้งคนหายที่ สภ.สัตหีบ ชลบุรี เวลา 11.21 น. วันที่ 16 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา ก่อนเห็นข่าวเกี่ยวกับพบศพผู้เสียชีวิตถูกฆาตกรรมตัดนิ้วนางทั้งสองข้าง ปรากฏว่าต่อมา น.ส.วรรณรัตน์ ได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต จึงมีการส่งภาพผู้เสียชีวิตให้ตรวจสอบ ปรากฏว่า น.ส.วรรณรัตน์ ถึงกับร่ำไห้ เพราะเป็นมารดาที่หายตัวไป

ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เผยอีกว่า สอบถามเบื้องต้นแจ้งว่า ก่อนที่มารดาจะหายตัวไป ขณะกลับจากไปทอดกฐินที่สำนักสงฆ์ ซอยเย็นฤดี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยขับรถมาที่บ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้สำนักสงฆ์ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย สอบถามเพื่อนก็ไม่มีใครพบเจอ ตามหาก็ไม่พบ จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สัตหีบ กระทั่งมาเห็นข่าว จึงติดต่อสอบถาม ก็พบว่าเป็นมารดาตัวเอง โดยก่อนที่ผู้เสียชีวิตหายตัวไป ได้ใส่สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท สร้อยข้อมือหนัก 3 บาท แหวนเพชร 2 วง และเงินในกระเป๋าอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าคงจะถูกคนร้ายเอาไปทั้งหมด

สำหรับ น.ส.วรรณรัตน์ รับราชการสำนักอัยการภาคแห่งหนึ่ง โดยมีสามีเป็นอัยการ กำลังเดินทางมาที่ สภ.วังจันทร์ เพื่อมาดูศพมารดาเพื่อยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวถึงการกระทำอันโหดเหี้ยมของคนร้าย ที่ถึงกับตัดนิ้ว และทำกันถึงตาย ต้องการให้จับคนร้ายมาลงโทษให้ได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย คาดลวงมาจาก อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วพาข้ามจังหวัดมาทิ้งศพในสวนปาล์ม ตรวจสอบพื้นที่พบศพ ปรากฏว่าเจอนิ้วนางทั้งสองนิ้วที่ถูกตัดขาด คนร้ายคงจะตัดเพื่อเอาแหวนเพชรที่ผู้เสียชีวิตสวมอยู่ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ ต่างก็สาปแช่งถึงการกระทำอันโหดเหี้ยมของคนร้าย ขอให้จับตัวมาให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.วรรณรัตน์ พร้อมด้วยนายสยาม มาลาเวช อายุ 42 ปี หลานชายผู้เสียชีวิต เดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.วังจันทร์ ระยอง พร้อมจะเดินทางไปยืนยันชี้ศพที่โรงพยาบาลวังจันทร์ โดย น.ส.วรรณรัตน์ ได้กล่าวทั้งน้ำตา ว่าโหดร้ายเกินไป แม่เพิ่งไปทำบุญมา ทำไมถึงทำได้เพียงนี้

นายสยาม หลานชายผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่า ตอนเช้าแฟนผู้เสียชีวิตได้ไปส่งที่สำนักสงฆ์ ซอยเย็นฤดี แล้วกลับมากับเพื่อนสองสามีภรรยาที่บ้านอยู่ใกล้กัน ลงรถยังไม่ทันเข้าบ้าน ได้มีโทรศัพท์โทรฯ มาหาผู้ตาย แล้วก็มีคนมารับไป โดยไม่ทราบว่าเป็นใครมารับไป แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีก ทางญาติทางลูกเคยเตือนไม่ให้ใส่ทองเพราะอันตราย แต่ก็ไม่ฟัง เสียใจมากกับการกระทำอันโหดร้าย ขอให้ตำรวจจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสของคนร้าย สันนิษฐานเบื้องต้นคนร้ายไม่ต่ำกว่าสองคน ล่อลวงผู้เสียชีวิตมาจาก อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และคนร้ายคงจะเป็นคนที่ผู้ตายรู้จัก จึงยอมขึ้นไปด้วยกัน อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมหลักฐานติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป