เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคู่บ่าวสาวป้ายแดงที่เพิ่งแต่งกันไปหมาด สำหรับคู่รักนักแสดง “เจี๊ยบ ชมพูนุช” และ “ปูไข่ พงศ์สิรี” อดีตนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติที่คบหาดูใจกันมา 11 ปี หลังจากที่ควงแขนกันเข้าประตูวิวาห์ตามพิธีศาสนาคริสต์ ณ ณ โบสถ์ St. Louis Marie de Montfort ประจำมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นสุดโรแมนติก เหล่าคนบันเทิงก็เดินทางมาร่วมยินดีกกันมากมาย
ล่าสุด เจี๊ยบและปูไข่ ได้มาเปิดใจครั้งแรกหลังจัดงานแต่งสุดชื่นมื่นไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดเส้นทางความรักสุดมาราธอนกว่า 11 ปีที่บอกเลยว่าไม่เคยทะเลาะกันเลย และเผยแพลนในอนาคตเรื่องลูกพร้อมมีเลยหรือไม่ งานนี้ทั้งคู่ตอบทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31
โดยปูไข่เผยว่า “11 ปีที่คบกันมา แพลนการแต่งงานกัน คือจริงๆคุยกันตั้งแต่ปีแรกแล้ว มันไม่มีอะไรจะบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่จนกว่าจะถึงเวลาจริงๆ เคยคุยกันว่าถ้าโลกนี้ไม่มีโควิดอาจจะเร็วกว่านี้ แต่เผอิญโควิดมา ผมสะดุดใหญ่เลยจะหาตังค์ที่ไหนมาทำชีวิตให้ดีขึ้น พอมาถึงตอนนี้มันก็มีอะไรที่ดีขึ้น ชีวิตก็มีเส้นทางให้เลือกมากมาย คิดว่าตอนนี้น่าจะเหมาะที่สุด จริงๆงานแต่งเราไม่ได้แพลนอะไรไว้ ปูไข่บอกว่าเจี๊ยบจำไว้เลยนะ ขอเดียวที่ปูไข่จะขอเจี๊ยบคือโดดร่มลงมาแล้วก็ขอแต่งงาน ถ้าทำเหมือนในทีวีในหนังมันก็มีคนทำเป็นล้านคนแล้วไง(หัวเราะ) แต่ก็ขอขึ้นมาจนได้นะ จริงๆ พวกผมเดินไปดูโบสถ์จองวัดอะไรก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องแต่งงาน ซีเคว้นท์ไม่ได้เรียง เคยคุยกับเจี๊ยบว่าอยากจะแต่งก่อนอายุเลขบางเลขของเจี๊ยบเพราะเจี๊ยบบอกว่าถ้าจะแต่งงานอยากอยู่ในสภาพที่สวยที่สุดได้อยู่ ถ้ามากกว่านี้จะเหี่ยวแล้ว อันนี้คือคุยไว้นานมากแล้วนะ บังเอิญมันเป็นช่วงเวลานี้พอดี เราเคยพูดไว้แล้วเราก็ต้องทำให้ได้ เราตั้งใจจริงๆว่าจะปีหน้า มันเลยในสิ่งที่เขาพูดไปแล้วประมาณปีนึง แต่มันไม่พร้อมจริงๆ ด้วยโควิดด้วยมันสะดุดนิดนึง มันกำลังกลับมา มันเลยมาแล้วแต่เรารับปากแล้วเราต้องทำให้ได้ ส่วนเรื่องฤกษ์เราไม่ดูหรอก เอาสะดวก ผมคิดอย่างนี้ว่าแต่งงานคู่รักส่วนมากจะมีปัญหาเมื่อแต่งงานไปหลายๆปีเพราะจะมีคนนึงจำไม่ได้ว่าแต่งงานวันที่เท่าไหร่ ผมเลยเลือกวันเกิดผม ผมไม่ลืมแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้เราตัดสินใจก่อนเลยแล้วค่อยบอกผู้ใหญ่ครับ คุณพ่อคุณแม่แต่ละฝั่งว่าก็ไม่ว่าอะไรเลย ส่วนเพื่อนๆ แต่ละคนก็ตื่นเต้น ตอนแรกไปจองก่อนวันเกิดผมปีนึงแต่คิดว่ายังไม่พร้อมจะบอกเพื่อน มานั่งคำนวนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะไปต่างประเทศกลัวเขาไม่อยู่ ตอนไปบอกพี่เป้ วิศวะ พี่เป้ไม่เชื่อว่าจะแต่ง นั่งอยู่ครึ่งชั่วโมงเขาไม่เชื่อจริงๆนะ พี่เป้บอกว่าเพ้อเจ้ออะไร
สำหรับวันจริงวันแต่งงาน ผมมีเสียงสั่น สำหรับผม ผมเชื่อมั่นในคำมั่นสัญญาในสิ่งที่ศาสนาผมพูดถึงมันเป็นการตั้งใจพูดจริงๆว่าสิ่งที่เราจะปฎิบัติกับเขาตลอดชีวิตมันเป็นยังไง อยากจะพูดให้มันชัดเจนแล้วทำมันให้ได้ มันก็เลยมีเสียงสั่น ส่วนเรื่องแหวนไม่มีการเซอร์ไพร้ส์กัน คือตอนที่บอกเพื่อนๆว่าจะแต่งงานยังไม่ได้ซื้อ แล้วผมรู้สึกว่าแหวนถ้าผมเลือกให้เขา เขาจะใส่หรอ มันต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงมั้ย เราเลยให้เขาเลือกเอง และสำหรับเรื่องทายาทตอนนี้ยังครับ ขอเที่ยวก่อน อัดอั้นมานานแล้ว เก็บตังค์ทุกบาททุกสตางค์เพื่อมาจัดงาน ตอนนี้ขอสัญญากับเจี๊ยบเลยว่าจะเที่ยวให้กระจายเลย และวันจดทะเบียนกะว่าจะวันคริสต์มาส จะได้จำได้ (หัวเราะ) แล้วเรื่องนามสกุลจะเปลี่ยนมั้ย อันนี้ก็แล้วแต่เขาเลย รักกันมา 11 ปี เป็นสามีภรรยากันแล้ว อยากจะบอกยูว่า เราสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวรอบโลกเหมือนเดิมตามที่เคยพูดไว้ก่อน 11 ปีที่แล้ว อย่างสุดท้ายคือยูต้องรู้จักยอมปูทุกเรื่องทุกอย่างตลอดไปเหมือนที่ปูพูดไว้ในวันงานเข้าใจมั้ย”
เจี๊ยบเผยว่า “ตอนนี้เป็นสามี–ภรรยาสมบูรณ์แบบ ยังไม่ชินเลยค่ะ คืออีกนานไหมอ่ะกว่าจะชิน เราเรียกแฟนมาตลอด ตอนนี้สามีภรรยาแล้วมันดูเขินๆ ส่วนแพลนแต่งงานคือตอนที่เราคบกันไม่ได้อายุน้อยๆแล้ว เราอายุจะ 30+ แล้ว เลยมานั่งคุยกันว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้คิดว่าจะจริงจังกันมั้ย ถ้าไม่จริงจังอย่าคบดีกว่าเพราะว่าเสียเวลาไม่ใช่เด็กๆแล้ว เป็นการคุยกันตั้งแต่วันแรกมันมองไปในทิศทางเดียวกัน และ เหมือนถามกันว่า ระยะยาวมองเห็นเจี๊ยบอยู่ปลายทางไหม เราไม่ได้ใช้คำว่าแต่งงาน ปูเห็นเจี๊ยบอยู่ปลายทางนั้นมั้ย คนที่จะอยู่ดูแลกัน ถามเพื่อความมั่นใจของเราด้วย 3ปี 2ปี เรามานั่งรีเช็คทีนึง งานแต่งเราไม่ได้มีการแพลนอะไรไว้ ปูไข่คือไทป์ผู้ชายแบบ 100% ผู้ชายแบบให้เขาทำแบบนั้นไม่ได้แล้วเราก็ไม่ต้องคาดหวัง เคยคุยกันนานมาก แต่สุดท้ายก็ขอขึ้นมาจนได้ เหตุการณ์วันนั้นคือกินข้าวกับเพื่อน เพื่อนก็ถามสารทุกข์สุขดิบธรรมดา เพื่อนรอบตัวแต่งงานกันหมดแล้วหนูเป็นคู่สุดท้ายของกลุ่มแทบจะทุกกลุ่ม นี่ก็เงียบไปแล้วก็พูดกับเพื่อนว่าปีหน้าแล้วกัน เพื่อนถามก็พูดออกมาปีหน้าก็แล้วกัน เจี๊ยบก็หันไปถามว่านี่คือพูดจริงๆหรือเปล่า เขาก็บอกว่าจริงๆ เดี๋ยวปีหน้าแต่งแล้ว ในส่วนของคุณพ่อคุณแม่แต่ละฝั่งก็ชิลค่ะ คือเหมือนบ้านเราชิลกันทั้ง 2 บ้าน อาจจะเพราะเราคบกันมานานแล้วเขาก็เห็นแล้วว่าพัฒนาการของเรามันดีขึ้นไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดี สำหรับเพื่อนๆที่ทราบข่าว ก็ตื่นเต้นที่สุด รีแอคเพื่อนหนูคือร้องไห้ทุกคน พอบอกว่าจะแต่งงานนะ ทุกคนสะอื้นหมด แล้วเราเป็นคนเห็นเพื่อนร้องไห้ไม่ได้เราจะร้องไห้ตาม จนปูไข่หันมาถามว่า เดี๋ยวนะอันนี้มาขอเจี๊ยบแต่งงานไม่ได้มาขอเจี๊ยบไปตาย ร้องไห้ทำไม
สำหรับก่อนหน้าจะแต่งงานเราได้จัดงานไปแล้ว ครั้งแรกเป็นงานปาร์ตี้ที่แสมสาร พอดีเจี๊ยบมีพี่เคารพรักเขาเป็นเจ้าของรีสอร์ท เขาเคยพูดกับเจี๊ยบกับปูตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่าถ้าวันไหนจะแต่งงานกันเขาจะปิดรีสอร์ทให้ 1 คืน พอเขารู้เขาก็บอกว่าเอาไปเลย เอาวันไหน เป็นของขวัญวันแต่งงาน เจี๊ยบก็เลยรวบรวมเพื่อนๆที่เขารู้เรื่องราวเราตั้งแต่วันแรกเหมือนเป็นการเลี้ยงขอบคุณก็จัดเป็นซิทดาวน์ดินเนอร์เล็กๆให้กับทุกคน อันนี้เพื่อนๆทำให้หมดเลย ชุดเพื่อนก็เอามาให้ ซึ่งบรรยากาศทุกอย่างมันดีหมดเลย พอมันนั่งเป็นซิทดาวน์ดินเนอร์จริงจัง เจี๊ยบก็เลยขอเพื่อนที่สนิท 2 คนสปีชให้เจี๊ยบนิดนึง 1 ในนั่นก็มีพี่นุ่น วรนุช แล้วก็มี จอย ชลธิชา กับ ซาย กรรณิกาซาย ให้เป่ายิ้งฉุบกัน แต่ก็กังวลว่าพี่นุ่นจะพูดให้หรือเปล่าเพราะว่าด้วยความสนิทกันมากๆของเจี๊ยบกับพี่นุ่นเราไม่ใช่คนที่คุยเยอะทั้งคู่ พี่นุ่นก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่ไปยกมือไหว้ว่า วอๆพูดให้เจี๊ยบหน่อยได้ไหม ขอแค่วันเดียวแล้วสรุปเขาพูดให้ มันมีค่ามากเลย แค่เขาพูดว่า “พี่” เจี๊ยบก็ร้องไห้แล้ว มันเป็นโมเมนต์ที่มีความสุขมาก ส่วนวันจริงๆ เจี๊ยบออเดอร์เพื่อนๆไว้ว่าห้ามร้องไห้ เจี๊ยบหันไปหาใครห้ามโช้ค เพราะถ้าเจี๊ยบหันไปแล้วเห็นโช้คคือเจี๊ยบจะร้องด้วย เมคอัพมันเสียหนูกลัวไม่สวย สำหรับเรื่องของแหวนไม่มีการเซอร์ไพร้ส์กัน หนูเลือกเองอ่ะดีแล้ว ปูไข่เป็นผู้ชายแบบ 100% หนูก็แฮปปี้ไงหนูอยากได้แบบที่หนูอยากได้ และงานแต่งของเราก็จัดเอง ทำเอง หมดเลย ตอนแรกที่คุยกันเรื่องแต่งงานเหตุผลที่ยังไม่อยากแต่งงานเพราะว่าค่าใช้จ่ายเยอะมากและของที่ใช้ในงานแต่งงานเราจะอยู่กับมันแค่ 3 ชั่วโมงแล้วเราก็จะทิ้งมัน รู้สึกว่าโลกมันร้อนอะไรประหยัดได้ก็ประหยัด คีย์ของเจี๊ยบคืออยากเซฟตังค์ในการทำงานแต่งงาน มันต้องได้ภาพที่อยากได้แต่เจี๊ยบต้องเป็นคนคุมงบประมาณทุกอย่างเอง เลยทำทุกอย่างเองหมดเลย มันไม่ยากแต่มันเยอะแล้วมันเหนื่อย เจี๊ยบก็จะมีน้องๆที่เป็นรันเนอร์ เจี๊ยบก็จะกระจายงานทุกคนทำอะไรบ้าง วันรุ่งขึ้นพี่จะปล่อยจอยแล้ว พี่จะมีหน้าที่เดินเข้างาน เจี๊ยบทำทุกอย่างเองงานมันออกมาเป็นตัวเจี๊ยบแบบ 100% ทุกคนเดินเข้าไปในงานก็จะพูดว่านี่มันคืองานแต่งงานเจี๊ยบ และเรา2คนไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ ตอนแรกตัดสินใจว่าจะไม่มีเครื่องดื่มในงานแต่งงาน แต่เพื่อนสายดื่มทุกคน หนูก็เลยมีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์พอให้เพื่อนเป็นกระสัยเส้น ซักบ่ายสองค่อยเริ่มจิบแล้วสามโมงครึ่งก็กลับบ้านกันไป ถ้าไม่ผิดมีคนบอกว่าคนที่ไปเปิดบูธเครื่องดื่มคนแรกคือคุณเอมี่ กลิ่นประทุม ใช่มั้ยคะ เพราะน้องบอกว่าเหมือนเห็นคนที่เปิดบูธคนแรกคือคุณเอมี่ กลิ่นประทุม
ถามถึงเรื่องทายาทคือเราขอเที่ยวไปเรื่อยๆเลยค่ะ เที่ยวจนกว่าจะไม่มีแรง ยังอยากไปอีกหลายๆที่ที่มันจะต้องใช้แรงในการท่องเที่ยว หนูว่าหนูไม่พร้อมแล้ว กระดูกมันจะพรุน ส่วนเรื่องเปลี่ยนนามสกุล อยากให้เปลี่ยนมั้ยคะ(ถามปูไข่) ถ้างั้นยังไม่ได้คิดค่ะ จนกว่าจะถึงวันจดทะเบียนอาจจะต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะอีกที เรารักกันมา 11 ปี เป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็อยากจะบอกปูไข่ว่า เจี๊ยบไปเที่ยวกับปูทุกประเทศ ขอบคุณมากตรงนี้เลยที่จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ จะรอไปแบบเที่ยวฟรีสบายๆ ไม่ทำอะไรมีหน้าที่เที่ยวอย่างเดียว ปูอยากเป็นผู้นำให้เป็นเลย จะเป็นผู้ตามที่ดีมาก เพราะว่าไม่อยากใช้สมองแล้ว”