เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 พ.ย.67) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. จำนวน 5 คดี ยึดยาบ้า 41 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 17 กก. ยึดทรัพย์กว่า 270 ล้านบาท
โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 นำกำลังเข้าสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดของเครือข่าย ซึ่งมีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ กระทั่งเวลาประมาณ 20.20 น. ตำรวจจพบความเคลื่อนไหวรถของกลุ่มเครือข่าย 2 คัน ในลักษณะขับนำและตามกันออกมา ทิ้งระยะห่างประมาณ 5 กม. ผ่านเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และพบว่าบริเวณท้ายกระบะมีสิ่งของบรรทุกอยู่เต็มคันคลุมด้วยผ้าพลาสติกสีเขียวลักษณะผิดปกติ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำรถยนต์ปิดกั้นเส้นทางบริเวณถนนหมายเลข 1178 หน้ากองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 335 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบริเวณริมถนนขนบท ชม.3024 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และบริเวณริมถนนหมายเลข 1249 ก่อนถึงจุดตรวจสามแยกดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.ชียงใหม่ พร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถ เพื่อแสดงตัวขอตรวจค้นรถกระบะติดโครงเหล็กทั้ง 2 คัน พบคนขับ และผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3 คน ตรวจค้นพบยาบ้า 8,999,800 เม็ต และ ไอซ์ 17 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในท้ายกระบะรถยนต์ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/11/S__9306325_0-1280x960.jpg)
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ตำรวจ บก.ขส. และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนด้าน จ.หนองคาย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน เวลาประมาณ 00.40 น. พบความเคลื่อนไหวของรถในเครือข่ายซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลัง ขับขี่อยู่บนถนมิตรภาพ มุ่งหน้าพื้นที่ตอนใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตาม เพื่อสกัดกั้นรถคันดังกล่าว
เมื่อรถขับไปถึงบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์สาม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นทางโค้งประกอบกับไม่มีไฟทาง ทำให้รถยนต์คันกล่าวเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไหล่ทาง ก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน จากการตรวจค้นรถพบยาบ้า 5,034,000 เม็ด บรรจุในกระเป้าซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะเพื่ออำพราง ด้วยการทำทีว่าเป็นรถส่งน้ำแข็ง เพื่อเลี่ยง การตรวจสอบ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 ตำรวจ กก.2 บก.สกส. ได้เฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ นายชัดเจนกับพวกพบว่า มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย นำมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑล กระทั่งวันที่ 10 พ.ย.67 เวลาประมาณ 22.50 น. พบเคลื่อนไหวของเครือข่ายโดยพบมีการใช้รถยนต์ 3 คัน ขับขี่ในลักษณะคาราวาน และใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ ผ่านจ.เชียงราย,พะเยา,ลำปาง,แพร่สุโขทัย,พิจิตร มุ่งหน้าพื้นที่ จ.นครสวรค์ จนเมื่อใกล้ถึงด่านตรวจยานพาหนะพยุทะคีรี จ.นครสวรรค์ รถหมายต้องสัยได้เลี้ยวเข้านั้นน้ำมันน้ำมันปตท. เขาเขียว ถ.พหลโยธิน ต.นครสวรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรค์
กำลังตำรวจจึงเข้าตรวจสอบทันทีพบ นายสุพจน์ เป็นคนขับรถ ตรวจสอบภายในรถพบกระสอบต้องสงสัย 32 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนภายในท้ายกระบะแครี่บอย และภายในห้องโดยสารด้านหน้าของรถ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 ชุด สามารถจับกุม นายบำรุงศักดิ์ ได้ภายในปั้ม ปตท.เขาทอง ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถนำทางและคุ้มกัมกันรถลำเลียงยาเสพติด และ นายชัดเจบ จับกุมได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะศรี หลังขับรถคอยสำรวจเส้นทาง ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/11/S__9306328-1280x960.jpg)
คดีที่ 4 ตำรวจ กก.3 บก.สกส.สืบทราบว่าจะมีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน อ.เชียงแสน เพื่อส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าใบพื้นพื้นที่ราคกลาง และปริมเฑล จำนวนมากโดยจะใช้รถยนต์ 2 คันในการลำเลียง ใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย – จ.พะเยา – จ.แพร่ -จ.สุโขทัย และวันที่ 8 พ.ย.67 พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มรถยนต์ดังกล่าว ขับเข้าไปจอดภายในหนองบัวรีสอร์ท ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นรถยนต์ทั้งสองคัน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน ทำหน้าที่ขับรถนำทาง ส่วนอีก 2 คนที่ขับรถยนต์ซุกช่อนยาเสพติด อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ ผลการตรวจค้นรถพบยาบ้า 1,299 มัด รวมประมาณ 2,598,000 เม็ด วางอยู่ภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับและที่เก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ และอยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ต่อไป
ทั้งนี้ยังมีการการขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ลักลอบส่งยาเสพติดโดยบรรจุในกล่องกระดาษส่งทางพัสดุภัณฑ์ผ่านระบบ Logistics เพื่อส่งต่อลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยนำข้อมูลคดีมาทำการวิเคราะห์ ในทุกมิติพร้อมขยายผลหาเครือข่ายที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่องกระทั่งสามารถจับกุมเครือข่ายได้เพิ่ม
คดีสุดท้าย สืบเนื่องเมื่อวันที่15 กย. 67 ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางไอซ์ 2 กก. ก่อนจะขยายผลจับกุมบุคคลในเครือช่ายเพิ่ม 3 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 191 กก.ในพื้นที่ บก.น9 จากนั้น ตำรวจ บก.ชส. และ กก.4 บก.สกส. ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มจมจนทราบว่ายังมีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายนี้ พยายามลักลอบลำเสียงยาเสพติดจากพื้นที่กทม. ลงไปในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยใช้บริษัทขนส่งเอกชนในพื้นที่แสมดำ เขตบางทุนเทียนลำเสียงของกลาง
ตำรวจจึงจัดชุดเฝ้าติดตาม จนสามารถตรวจยึดยาบ้าได้ 1,200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ก่อนจะสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่รับยาเสพติดของกลาง ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านเช่า พบยาบ้าอีก 900,000 เม็ดในพื้นที่ อ.พรหมศรี จ.นครศรีรรรมราช ซึ่งเป็นหนึ่งในบ้านเช่าของผู้ต้องหา คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 13 พ.ย.67 สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 125 คดี ผู้ต้องหา 141 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 41,615,738 เม็ด, ไอซ์ 1,704 กก, เฮโรอีน 28 กก., คีตามึน 190 กก. และ ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 264,096,353 ล้านบาท
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/11/S__9306327_0-1280x960.jpg)
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายนายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา เน้นไปที่การปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการอย่างเป็นระยะ ในรอบเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมามีการจับกุมได้รวม 5 คดีและวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้มากถึง 9 ล้านเม็ด โดยทั้ง 5 คดี ยืนยันลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น
ส่วนที่ว่ามีการจับกุมเยอะแสดงว่าแพร่ระบาดมีเยอะด้วยหรือไม่นั้น ส่วนนี้ อยากให้เปลี่ยนความคิดที่ว่าถ้าจับมากแสดงว่ามันเยอะขึ้น แต่อยากให้มองว่า ยาเสพติดนั้น วงจรของมันคือการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งพื้นที่ที่ติดแนวชายแดนเป็นระยะทางยาว มีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก การลักลอบนั้น ผู้ผลิตนอกประเทศมีความพยายามจะใช้ประเทศไทยเป็นที่พัก หรือเป็นที่ผ่านอยู่แล้ว แต่เมื่อมีข้อมูลด้านการข่าว ตำรวจก็ต้องมีการประสานงานบูรณาการเพื่อปราบปรามจับกุม แต่หากหลุดรอดมาได้ ก็ต้องมีการสกัดจับทุกช่องทาง ทั้งทางน้ำ ทางอากาศทางบก มีการประสานงานกันตามยุทธวิธีทุกกระบวนการ.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.ยังเปิดเผยถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศสงครามกับยาเสพติดขณะลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้ระดมกำลังกวาดล้างยาเสพติดซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนคำพูดของนายทักษิณจะเป็นการส่งสัญญาณหรือส่งนัยยะหรือไม่ ส่วนตัวไม่ขอวิเคราะห์หรือวิจารณ์ เพราะเป็นคำพูดบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ตำรวจจะขอปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อป้องกันปราบปรามตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงนโยบายที่ตัวเองเคยประกาศไว้ภายใต้หลักคิด ยาเสพติดต้องหมดไป ส่วนกรณีที่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากพบยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดใด ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนั้น ๆ จะต้องถูกลงโทษ
ผบ.ตร.ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตำรวจมีตัวชี้วัดคือผลงานการจับกุมยาเสพติดและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง กว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลการปฏิบัติการดังกล่าวถือว่ามีผลสัมฤทธิ์และประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่หาก พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็นหรือเรียกรับผลประโยชน์ก็จะดำเนินการทางวินัยและทางปกครองตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าการจับกุมได้มากไม่ได้หมายถึงการที่ประเทศไทยมีฐานการผลิต แต่ยาเสพติดดังกล่าวเป็นยาเสพติดที่พบถูกลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่ง ที่ผ่านมาตำรวจได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อให้ทำการสกัดกั้นทุกช่องทางตามยุทธวิธี และเร็ว ๆ นี้ ตำรวจจะเปิดปฏิบัติการทลายผู้ค้ารายย่อย ซึ่งแฝงตัวอยู่ตามชุมชนหมู่บ้านต่อไป