เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 พ.ย. 67 ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ทนายความ ตัวแทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กรรมาธิการในการพิจารณาให้มีตรวจสอบเอกสารสิทธิ และการดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ กรณีเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมถึงให้พิจารณาเรียกผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกรมที่ดิน มาชี้แจง โดยมีนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการกมธ.เป็นตัวแทนมารับหนังสือ

โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ตนในฐานะคนบุรีรัมย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เกิดและโตที่นั่น แต่วันนี้เขากระโดงถูกหน่วยงานรัฐ และเกมการเมืองดึงเตะถ่วงยื้อกันไป กรณีเขากระโดงเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2462 จนถึงปัจจุบัน ผ่านกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3  ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และศาลจังหวัดอุบลราชธานี พิจารณาหลักฐานทุกอย่าง รวมถึงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเฉพาะคำสั่งศาลปกครองเมื่อปี 66 ระบุให้กรมที่ดิน และรฟท. มาร่วมกันรังวัดแนวเขต และเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินไป แต่ทางกรมที่ดินกลับไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินทับซ้อนเขากระโดง ทำให้คนไทยช็อกทั้งประเทศ แต่ที่ช็อกมากกว่า คือการเสแสร้งของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม รวมถึงฝ่ายการเมือง พรรคการเมือง โดยเฉพาะ สส.พรรคการเมืองไม่ยืนข้างประชาชน กลับเดินวอล์กเอาต์ออกจากการประชุม กมธ.การที่ดินฯ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าว  และนายสุริยะ ไม่มีความจริงใจในการปกปักรักษาที่ดินของการรถไฟฯ คือการเตะถ่วงเรื่องเขากระโดงไปยังศาลปกครอง ทั้งที่มีคำพิพากษาศาลปกครองออกมาแล้ว ที่บอกให้ไปว่ากันที่ศาลยุติธรรม

นายภัทรพงศ์ กล่าวต่อว่า นายสุริยะทำเป็นขึงขัง มีท่าทีบอกจะไม่ปล่อยแม้แต่ตารางวาเดียว แต่การส่งไปที่ศาลปกครอง คำถามคือ มีประเด็นใหม่หรือไม่ เพราะศาลปกครองตัดสินมาแล้วว่าไม่ยุ่ง ที่ไร้สาระคือหนังสืออธิบดีกรมที่ดิน ฉบับลงวันที่ 21 ต.ค. 67 ส่งถึงผู้ว่า รฟท. ที่บอกว่าไม่เพิกถอน ตรงท้ายหนังสือมีการท้าทาย หากการรถไฟฯ คิดว่ามีสิทธิดีกว่าก็ไปฟ้องศาล แล้วการรถไฟฯ ทำไมไม่ไปฟ้องศาลฯ ผมทราบมาว่าการรถไฟฯ มี 3 แนวทาง 1.ฟ้องตระกูลดังในจังหวัดบุรีรัมย์ 2.ฟ้องชาวบ้าน และ 3.เตะถ่วงส่งไปยังศาลปกครอง แต่การรถไฟฯ เลือกใช้วิธีที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ทางออก ไม่มีความจริง เป็นเรื่องที่กระจอก เพราะที่ดินเขากระโดง ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และศาลฎีกาพิพากษา มีการขับไล่ ยกเลิกเพิกถอนโฉนดไปแล้ว ดังนั้นแนวทางที่ทำได้ง่ายสุดคือการไปฟ้องขับไล่ เรียกค่าเสียหาย แต่การรถไฟฯ ทำไมไม่ทำ นายสุริยะ อย่ามาบอกว่าขึงขัง มันทุเรศ

“ผมไม่ให้น้ำหนักอธิบดีกรมที่ดิน เนื่องจากในปี 2541 กฤษฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่า ที่ดินแยกเขากระโดงเป็นของการรถไฟฯ เหตุที่มีคำวินิจฉัย เพราะมีผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้นนำมวลชนออกมา ซึ่งเป็นพ่อของอธิบดีกรมที่ดินคนปัจจุบันด้วย นอกจากนี้ในการฟ้องขับไล่จนไปสู่การตัดสินของศาลสูงสุด ทนายความของชาวบ้านที่ไปฟ้องการรถไฟฯ ไม่กี่ปีต่อมาก็มานั่งเป็นที่ปรึกษาบอร์ดของการรถไฟฯ ในสมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรี บ้านเมืองนี้เล่นอะไรกันอยู่ เขากระโดงเป็นเพียงเกมการเมืองซื้อเวลา ผลประโยชน์ตกกับนายทุน” นายภัทรพงศ์ กล่าว.