สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเดนปาซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ว่าสืบเนื่องจากเหตุการณ์ ภูเขาไฟเลโวโตบิ ลากิ-ลากิ ซึ่งเป็นภูเขาไฟแฝด ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะโฟลเร็ซ ที่เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซุนดาน้อย และเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนูซาเติงการาตะวันออก ปะทุอย่างหนักตั้งแต่ต้นเดือนนี้
สนามบินในเมืองลาบวน บาโจ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟลูกนี้มากที่สุด ประกาศกลับมาเปิดให้บริการ เมื่อวันพฤหัสบดี
ด้านแหล่งข่าวของสายการบินแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า มีแผนกลับมาให้บริการเที่ยวบินบางเส้นทางเข้าและออกจากเกาะบาหลี ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
ขณะที่สายการบินสกู๊ต ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ปรับเปลี่ยนเส้นทางบินระหว่างสิงคโปร์ กับเกาะบาหลี และเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่บนเกาะชวา
ส่วนแควนตัส สายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย และเจ็ตสตาร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือ ประกาศเตรียมกลับมาให้บริการเส้นทางเข้าและออกจากเกาะบาหลี โดยให้เหตุผลว่า “สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น” และเวอร์จิน ออสเตรเลีย เตรียมกลับมาให้บริการเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานนานาชาติเดนปาซาร์ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของเกาะบาหลี เปิดเผยว่า มีสายการบินยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มอีก 32 เที่ยว เมื่อวันพฤหัสบดี จากเดิม 83 เที่ยว
ทั้งนี้ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาอินโดนีเซีย (พีวีเอ็มบีจี) ยังคงเตือนภัยการปะทุของภูเขาไฟเลโวโตบิ ลากิ-ลากิ ซึ่งมีความสูง 1,703 เมตร อยู่ที่ระดับสูงสุด และกำหนดพื้นที่อันตรายครอบคลุมรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร จากปากปล่องของภูเขาไฟ พร้อมทั้งดำเนินการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ให้ออกไปอาศัยยังสถานที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว
อนึ่ง ความรุนแรงจากการปะทุของภูเขาไฟเลโวโตบิ ลากิ-ลากิ ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สองต่อจากเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่การปะทุครั้งปัจจุบันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย ทั้งหมดเป็นชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชน ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากภูเขาไฟลูกนี้
ปัจจุบัน อินโดนีเซียมีภูเขาไฟประมาณ 130 ลูก ส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลัง แน่นอนว่าภูเขาไฟมาราปีคือหนึ่งในนั้น และการที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเขต “วงแหวนไฟแห่งแปซิฟิก” ซึ่งเป็นการเรียงตัวของรอยต่อเปลือกโลกเป็นแนวคล้ายเกือกม้า จึงเผชิญกับสถานการณ์ภูเขาไฟปะทุ และแผ่นดินไหวเป็นประจำ.
เครดิตภาพ : AFP