เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงเลือกตั้งที่ จ.อุดรธานี โดยกล่าวปราศรัยบนเวที เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ตอนหนึ่ง ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล เรื่องการปราบปรามยาเสพติด ว่า คุยกันอยู่ทุกวัน ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี การป้องกัน ปราบปราม ทำลายล้างยาเสพติด เป็นนโยบายที่ทางพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคภูมิใจไทย เห็นพ้องต้องกันแบบไม่มีข้อแตกต่าง มุ่งมั่นตั้งใจ ปราบปรามยาเสพติดให้ได้มากที่สุด ซึ่งการจะบอกให้ปราบปรามโดยสิ้นซากคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ผลิตในประเทศไทย แต่ยาเสพติดเหล่านี้ถูกผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งที่เราทำได้คือการสร้างอุปสรรคทุกอย่าง ในการลำเลียงขนส่งยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย จะเห็นได้จากข่าวว่ามีการจับกุม ทำลายล้าง ดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ยาเสพติดเหล่านี้เข้ามาในประเทศไทยทุกรูปแบบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกวาดล้างยาเสพติดจะเข้มข้นเหมือนยุคที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ต้องเอาให้เข้ม นายกฯ แพทองธาร มีความเกลียดชัง รังเกียจ การค้ายาเสพติด ไม่น้อยกว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ รวมถึงนายเศรษฐาด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ทำอยู่ตลอดทุกจังหวัด”

เมื่อถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ หลังนายทักษิณเริ่มลงพื้นที่แล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าคนไทยทุกคน ถ้าคิดจะทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ทำแล้วประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนช่วยกันทำประเทศไทยจะดีขึ้น

เมื่อถามว่า ตรงนี้จะสะท้อนภาพรัฐบาลแน่นปึ้กหรือไม่ เพราะนายทักษิณ ระบุว่าตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามัคคีกันดีอยู่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ภาพรวมเป้าหมายต้องเหมือนกัน ซึ่งการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายหลักคือประชาชนและประเทศชาติ ตรงนี้เหมือนกันแน่นอน ส่วนการดำเนินการ ก็เป็นไปตามภารกิจของแต่ละกระทรวง ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนอย่างดี อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะเดินทางไปต่างประเทศ และในสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องสำคัญเข้า ครม. โทรศัพท์มาบอกตน รบกวนฝากให้พิจารณา และผ่านความเห็นชอบ ในฐานะที่เป็นรักษาการแทนนายสุริยะ พอตนอ่านดูแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ ตนก็เซ็นให้ ไม่เคยคิดอะไรที่เป็นเรื่องการเมือง อันนี้ทำไปแล้วพรรคเราจะเสียคะแนน ส่วนพรรคท่านจะได้คะแนน ตนไม่เคยคิด ย้ำว่าเป็นรัฐบาลก็คือรัฐบาล หากทำดี อานิสงส์ก็ปกแผ่ไปหมด

เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณ ออกมาระบุเช่นนี้เป็นการสยบข่าวความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย กรณีเขากระโดงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า ไม่เคยมีความขัดแย้ง ในเรื่องความขัดแย้ง เป็นการคาดคะเนของคนที่ไม่อยู่ในวง มันมีตรงไหนที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง หากบอกว่ามีประเด็นความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ในช่วง 2 สัปดาห์ที่แล้ว ตนยังได้มีโอกาสตามนายกรัฐมนตรี ไปประชุมที่คุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ท่านให้เกียรติตนตลอดเวลา แล้วจะมีความขัดแย้งตรงไหน ทั้งนี้ตนไม่เข้าใจ ที่มีคนกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเอาคืนพรรคภูมิใจไทยเรื่องเขากระโดง 

“ผมขอถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยเรื่องอะไร เพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ซึ่งเรื่องของกระโดงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งศาล ปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของกรมที่ดิน และไม่ต้องกังวลเรื่องตัวของผมเลย แม้แต่ตารางมิลลิเมตรเดียว อย่าว่าแต่ตารางวาเลย ที่เขากระโดงไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีเหตุอะไร ที่ผมต้องไปปกป้องผลประโยชน์ของใคร อยู่กระทรวงมหาดไทย กว่าจะมาได้แทบตาย เสร็จแล้วจะไปปกป้องผลประโยชน์ให้คนมาด่า สาดเสียเทเสีย ต่อให้พ้นตำแหน่งไปก็ยังโดนตราบาปไปตลอดชีวิต จดเอาไว้เลยว่า ไม่มีกับคนชื่ออนุทิน ผมไปไหนต้องทำให้คนจำถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ได้ทำเอาไว้” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่เลขาธิการกฤษฎีกา แนะนำให้กรมที่ดิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พูดคุยกันเพื่อเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา และตั้งคณะกรรมการร่วมกัน ส่วนที่บอกว่าคณะกรรมการตามมาตรา 61 ไม่มีการรถไฟฯ เพราะต่างคนต่างเป็นคู่กรณี แต่เขามีกรรมการแยกต่างหากแล้วค่อยไปตั้งกรรมการร่วมกัน ดังนั้นขออย่านำเรื่องนี้มาโยงกับ รมว.มหาดไทย เพราะเรื่องพวกนี้จบในกรม และ รมว.มหาดไทย ได้มอบนโยบายและสั่งการกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบทุกอย่าง ไม่มีการเอื้อหรืออำนวยความสะดวกให้กับใคร ส่วนจะจบอย่างไร ก็ให้เป็นไปตามนั้น ไม่ต้องมารายงานรัฐมนตรี  เพราะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย ก็ต้องมีคนร้องคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือหากการรถไฟฯ ยังไม่พอใจก็ไปฟ้องศาลต่อ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หลายเรื่องที่มีการนำเสนอข่าวออกไปผิดหมดเลย พร้อมยกตัวอย่าง เช่น กรณีการลาออกของอดีตอธิบดีกรมที่ดิน ที่มีการอ้างว่าถูกแรงกดดันเรื่องเขากระโดง จึงลาออกเพราะไม่อยากเข้าคุก ซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง เนื่องจากต้องการไปดูแลภรรยาที่ป่วย และเมื่อเขามีความจำเป็นก็ต้องเคารพการตัดสินใจ เพราะมองว่าการเสนอข่าว ต้องมีความแม่นยำข้อมูลให้มากกว่านี้ และแหล่งข่าวไม่ต้องไปหาที่ไหน เพราะตนให้สัมภาษณ์รายวันอยู่แล้ว เจอผู้สื่อข่าวก็วิ่งเข้าหาทุกที ไม่เคยให้ต้องมาตาม เราต้องมาคุยกันแบบนี้ อย่าไปฟังตรงโน้นที ตรงนี้ที และเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคุณไม่ได้เดือดร้อน ตนไม่ได้เดือดร้อน แต่คนเดือดร้อนคือประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ช่วงเดียวกับนายทักษิณ จะเป็นการไปหาข้อมูลเพื่อเตรียมล้มรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “รัฐบาลหากดูสถิติ จะล้มกันเองในรัฐบาล ไม่เคยล้มข้างนอก เพราะฉะนั้นคนในรัฐบาลต้องทำลายสถิติ ต้องรักต้องสามัคคีทำงานเพื่อชาติและประชาชน มันก็จะไม่มีอะไรล้มได้”

เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลจะอยู่ครบวาระใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ซึ่งก็เป็นเป้าหมาย เราอยากจะทำงานให้สืบทอดนโยบายต่างๆ ให้สำเร็จ อยู่ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่เป้าหมายคือต้องอยู่ทำงานให้เป็นรูปธรรม และสำเร็จ พร้อมขอว่าอย่ายุ เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะมันเป็นเรื่องของการทำงานอย่างไรก็ไม่มีปัญหา หลักคือต้องทำไปตามกฎหมาย และเพื่อประชาชน กับประเทศชาติ ไม่ผิดระเบียบ จารีต วัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งทุกคนก็ยึดถืออยู่แล้ว.