ในสนามการเมืองไทยเวลานี้ พรรคการเมืองคู่รัก-คู่แค้นที่ถูกจับตามาอย่างต่อเนื่อง หนีไม่พ้น พรรคเพื่อไทย ที่นำโดย “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคฯ กับ “พรรคภูมิใจไทย” ที่คุมบังเหียนโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค และ“เนวิน ชิดชอบ” ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และได้ชื่อว่าเป็น “ครูใหญ่เซาะกราว”

ย้อนไปดูในการเลือกตั้ง สส.เมื่อปี 2566 ทั้ง 2 พรรคแข่งขันกันดุเดือด โดย“เพื่อไทย” ออกแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” แต่จบศึกเลือกตั้ง ผลปรากฏว่า “เพื่อไทย” คว้าเก้าอี้สส. 141 ที่นั่ง มากเป็นอันดับ 2 ตามด้วย อันดับ 3 คือ “ภูมิใจไทย” ที่ได้สส. 71 ที่นั่ง ดังนั้นเมื่อถึงคราวการเมืองพลิกผัน “เพื่อไทย” เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร จึงขาดไม่ได้ที่ต้องมีพรรคสีน้ำเงินด้วย

แม้กอดคอรวมรัฐบาล แต่เป็นภาพรักกันแบบ “ตบจูบ” กระทบกระทั่ง ขัดแข้งขัดขากันหลายครั้ง ทั้งเรื่องการผลักดันการใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการแพทย์ที่“ภูมิใจไทย” ชูธงหลัก ก็ถูกสกัดโดย “เพื่อไทย”ในยุคนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” เกิดการงัดข้อและแลกหมัดกันในกรณีที่พรรคแกนนำต้องการผลักดันสร้างสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ก็ถูก “ภูมิใจไทย” ออกแถลงการณ์ 4 ข้อคัดค้าน แต่เริ่มจะคลี่คลายเมื่อเข้าสู่ยุครัฐบาล “นายกฯแพทองธาร” ที่บรรจุเรื่องกัญชานี้อยู่ในนโยบายรัฐบาลด้วย ท่าทีของค่ายสีน้ำเงินก็อ่อนลงทันตา

อีกทั้ง การทำสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่ค้างคามานาน 6 ปี แต่ยังไม่วี่แววว่าจะเข้าสู่การที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไหร่ โดยมีข่าวว่าเป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่เห็นชอบด้วย ซึ่งมีการจับจ้องไปที่ “ภูมิใจไทย”อีกครั้ง

แม้กระทั่ง การจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ  (ฉบับที่….) พ.ศ. … ที่เสมือนเป็นกุญแจไขลานการเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เกิดปัญหาจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับร่างที่วุฒิสภาแก้ไขส่งมากลับมาให้สภาฯ แก้ไขโดยใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ด้วยคะแนน 348 เสียง ต่อ 0 และมีผู้งดออกเสียง 65 เสียงซึ่งเป็นสส.พรรคสีน้ำเงินทั้งหมด เมื่อกฎหมายประชามติต้องสะดุดลง ส่งผลให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องชะงักยาว

แม้ก่อนหน้าวันโหวตดังกล่าว “อนุทิน-เนวิน” ตอบรับคำเชิญของ “ทักษิณ” ให้มาพบปะกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งมีกระแสข่าวว่าต่างฝ่ายต่างระมัดระวังท่าที และยังมีการถกเถียงต่อรองกันในหลายเรื่องรวมถึงเรื่องการเมือง แต่ก็ยังไม่สามารถประสานรอยร้าวระหว่างกันได้สนิท ขณะที่พรรคเพื่อไทยยังถูกมองว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า “ภูมิใจไทย”

ล่าสุดเกิดประเด็นปะทุเดือดอีกรอบ จากข้อพิพาทระหว่างกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สังกัดกระทรวงคมนาคม ในพื้นที่แยกเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 5,083 ไร่ แม้ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เป็นของรฟท.แล้วก็ตาม แถมที่ดินตรงนี้ยังเกี่ยวพันถึงครอบครัว “ชิดชอบ” เพราะเคยถูกรฟท.ร้องเรียนว่าเข้ามาบุกรุกครอบครองที่ดินดังกล่าว

ขณะที่ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม และยังเป็นหนึ่งในแกนนำของเพื่อไทย ประกาศกร้าวว่าจะให้รฟท.ยื่นคัดค้านกรณีที่กรมที่ดินไม่เพิกถอนสิทธิที่ดินเขากระโดงไม่ยอมเสียที่ดินแม้แต่ตารางวาเดียว

ว่ากันว่านักการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เล่นบทตบจูบ ตีรันฟันแทงทีใครทีมันกันขนาดไหน แต่ตราบใดที่ยังพอมีผลประโยชน์ร่วมกันได้ ก็คงไม่มีวันปล่อยมือไปจากกัน มันก็แค่ละครการเมือง