เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 67 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือพระวิทยาธิการ (ตำรวจพระ) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ได้ควบคุมตัว พระเรืองชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี เป็นชาว อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มีพฤติกรรมผิดวินัยสงฆ์

โดยทำการควบคุมตัว พระเรืองชัย ไว้ได้ที่บริเวณริมถนนทรงพล เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขณะพระเรืองชัย ขับรถกระบะแบบ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กล 6629 นครปฐม มาบิณฑบาตในตลาดสดริมน้ำเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ซึ่งภายในรถยังพบอุปกรณ์สำหรับตัดไม้หลายอย่าง เช่น ขวาน มีด คีมตัดเหล็ก เลื่อย และเลื่อยยนต์ตัดไม้

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า มีญาติโยมแจ้งเบาะแสถึงพฤติกรรมของพระรูปนี้ ซึ่งเป็นพระที่อาตมาจับสึกไป 2 รอบแล้ว แต่แอบกลับมาบวชใหม่ที่วัดใน จ.สิงห์บุรี ซึ่งตั้งแต่บวชมาไม่เคยจำวัดเลย กลับมาอยู่ที่บ้าน จึงประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ติดตามมาตั้งแต่ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.นครปฐม ตามมาถึงในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ อ.บ้านโป่ง ได้มีการจับไว้ก่อน ซึ่งอาตมานั้นตามมาอยู่แล้ว ซึ่งพฤติกรรมคือขับรถยนต์มาเอง เดินสายไปบิณฑบาต

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปว่า ส่วนบทลงโทษนั้น ไม่มีในกฎหมาย แต่ในรถนั้นพบอุปกรณ์ขวานอันใหญ่ ไม่เข้าข้อกฎหมาย แต่ผิดทางวินัยทางสงฆ์ ซึ่งทางคณะสงฆ์ก็ต้องพิจารณาให้ลาสิกขาออกไป แต่ถ้ารอบหน้ามีการแอบไปห่มผ้าเหลืองอีก ก็จะต้องดำเนินคดีเพราะคงจะไม่มีใครบวชให้อีก ซึ่งพฤติกรรมของพระองค์นี้ ชาวบ้านเอือมระอามาหลายสิบปี สำหรับคณะสงฆ์ภาค 14 ซึ่งอาตมาเป็นประธานก็จะลงพื้นที่ โดยที่พระเดชพระคุณ พระธรรมวชิรานุวัตน์ เจ้าคณะภาค 14 ท่านบัญชามาให้มีการเข้มงวดกวดขันให้คณะสงฆ์อยู่ในกรอบของระเบียบวินัย และหากประชาชนพบพระที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็สามารถที่จะไปแจ้งที่เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ หรือเจ้าคณะจังหวัด แต่อันดับแรกขอให้แจ้งไปที่เจ้าคณะตำบลในเขตพื้นที่นั้นก่อน

หลังจากนั้น หลวงพี่น้ำฝน พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ได้นำตัว พระเรืองชัย เดินทางไปที่ จ.นครปฐม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของสงฆ์ต่อไป.