เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ.ขวรินทร์ แหล่งสท้าม พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้คุมตัวนายธนวันต์ หรือ “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5404/2567 ลงวันที่ 8 พ.ย. 2567 ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
โดยระบุพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป ได้ดูคลิปรายการที่ผู้ต้องหาไปออกรายการต่างๆ เช่น รายการทูเดย์โชว์ รายการโหนกระแส รายการ Perspective รายการตี่ลี่ฮวงจุ้ย เป็นต้น ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับศาสตร์ในการดูฮวงจุ้ย ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นอาจารย์ที่มีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยบ้านพัก โรงงาน และสถานประกอบการ โดยมีการประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อไว้ ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นทายาทตี่ลี่ฮวงจุ้ย รุ่นที่ 15 ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ย จึงเกิดความสนใจและต้องการปรึกษา ต่อมาผู้เสียหายจึงติดต่อไปตามหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการประชาสัมพันธ์ไว้ มีผู้รับสายซึ่งได้แสดงตัวเป็นแอดมินของ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย และให้ติดต่อกับแอดมินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ แอดมินแจ้งค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างดูฮวงจุ้ยบ้าน ผู้เสียหายตกลงได้โอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ต้องหาเป็นค่าจ้างดูฮวงจุ้ย และต่อมา ผู้ต้องหาได้มาทำพิธีดูฮวงจุ้ยที่บ้านของผู้เสียหาย แล้วผู้ต้องหากล่าวอ้าวสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์แตกต่างกันไปดังนี้
1. เรื่องสิ่งของภายในบ้าน ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าเป็นธนูลม (ช่องลมระหว่างคอนโดฯ), หม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ในจุดที่ไม่ดี ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าว ส่งผลให้บิดาของผู้เสียหายป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งทางแก้ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าจะต้องซื้อหินแกะสลักรูปสิงห์, รูปกิเลน และซื้อตี่จูเอี๊ยะมาตั้งภายในบริเวณบ้าน ในจุดต่างๆ ที่แจ้งไป เพื่อให้ป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาภายในบ้าน ทั้งขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้ผู้ต้องหาเป็นค่าหินแกะสลักรูปสิงห์และกิเลนขนส่งจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร รวมค่าสินค้า, ค่าขนส่ง และค่าภาษีอากรต่างๆ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,350,000 บาท
2. ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าศาลพระภูมิแบบเดิมที่อยู่ในบ้านของผู้เสียหาย เป็นศาลพระภูมิแบบไทย มีผีมาอยู่ จะส่งผลไม่ดีแก่คนในบ้าน หากตั้งศาลพระภูมิแบบจีน จะทำให้กิจการค้าขายดี จึงต้องล้มศาลพระภูมิเดิมแล้วตั้งศาลพระภูมิใหม่ รวมทั้งค่าฝังเข็มเงิน-เข็มทอง รวมพิธีไหว้ และเรียกร้องเงินค่าศาลพระภูมิและค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 6,204,000 บาท
3. หลอกลวงให้ซื้อที่ดินทำพิธีแซกี หรือเรียกว่าสุสานคนเป็น อ้างว่าถ้าทำแล้วบุคคลในครอบครัวจะมีสุขภาพดี อายุยืน และจะได้รวมบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วมาอยู่ที่เดียวกัน แล้วอ้างว่าจะต้องซื้อที่ดินที่จังหวัดชลบุ รีแล้วต้องสั่งหินมาจากประเทศจีน รวมทั้งมีค่าถมที่ดิน ค่าแกะสลักหิน ค่าขนส่งหินจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร เรียกร้องเงิน ค่าซื้อที่ดิน ค่าซื้อหิน ฯลฯ จากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 45,694496 บาท
4. หลอกลวงว่ามีบุคคลทำพิธีนำผงกระดูกผีใส่บ้านผู้เสียหาย ส่งผลให้ผู้เสียหายและครอบครัวเดือดร้อน ต้องทำพิธีนำพระผงกระดูกผีลงมุมบ้านทั้ง 4 ทิศ เพื่อป้องกัน และแก้ไขพิธีทางไสยศาสตร์ที่มีผู้ทำมา เรียกร้องค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 4,400,000 บาท
5. หลอกลวงว่าที่บ้านของผู้เสียหายมีองค์เทพมาอาศัย ต้องบูชารูปปั้นองค์เทพจำนวน 4 องค์ เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เรียกร้องเงินค่ารูปปั้นจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 347,000 บาท
6. หลอกลวงเรื่องค่าใช้จ่ายของส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยอ้างว่ารัฐบาลประเทศจีน จะให้ผู้ต้องหาเดินทางไปดูฮวงจุ้ยที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ประเทศจีน แล้วรัฐบาลประเทศจีน จะกักตัวผู้ต้องหาไว้ หากไม่ต้องการให้ประเทศจีนกักตัว ก็จะต้องนำเงินไปลงทุนเปิดบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอ้างว่าต้องใช้เงินจำนวน 2,100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 2,100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 65,556,996 บาท ต่อมาผู้เสียหายไม่ได้รับสิ่งของตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง เมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา
จากพฤติการณ์เห็นว่าผู้ต้องหาหลอกลวงโดยกล่าวอ้างถึงพฤติการณ์ต่างๆ ข้างต้น ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนโดยตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา พบว่าหลังจากผู้ต้องหาได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว ก็โอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากของบุคคลใกล้ชิด ในลักษณะเป็นการยักย้าย ถ่ายเทเงิน เพื่อปกปิดหรืออำพรางแหล่งที่มาของเงิน จึงจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายและแจ้งข้อหาความผิดฐานฉ้อโกง และฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 (1)(2) และมาตรา 60
ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 40 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 พ.ย. 2567
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ขณะที่วันนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงจะนำตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร