เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายปาณวัฒน์ มุสิกะพงศ์ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง พรรคเพื่อราม พร้อมเครือข่าย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยยื่น 4 ข้อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและปฏิบัติกรณีเกี่ยวกับผลประโยชน์ในน่านน้ำเศรษฐกิจระหว่างราชอาณาจักรไทยและกัมพูชา (เกาะกูด) ดังนี้ 1. ขอให้รัฐบาลคำนึงถึงและยึดมั่นในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) ค.ศ.1982 มาตรา 121 วรรคสองอย่างเคร่งครัด 2. ขอให้รัฐบาลดำเนินการในประเด็นนี้ด้วยความรอบคอบและโปร่งใสทุกขั้นตอนตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ผนวกร่วมกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 7 และมาตรา 20
3. อ้างอิงตามหลักการในข้อ 2 ขอให้มีการเปิดเผยข้อมูลของกลุ่มธุรกิจและผู้ได้รับประโยชน์จากสัมปทานใดๆ ในพื้นที่เจรจาร่วมเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันเพื่อความเข้าใจในสถานการณ์และประโยชน์ที่พึงได้รับของประชาชนและประเทศชาติ และ 4. เครือข่ายนักศึกษาไม่ได้คัดค้านสิทธิอำนาจของรัฐบาลในการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติแต่ขอให้ดำเนินการดังกล่าวอย่างสุขุมรอบคอบโปร่งใส และสะท้อนการเป็นตัวแทนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
นายปาณวัฒน์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำประเด็นเจรจานี้ เข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภาตามมาตรา 178 วรรค 2 และ 3 เพื่อให้เกิดการถกเถียงทางด้านนโยบายสาธารณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขอให้รัฐบาลประชาสัมพันธ์กระจายข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับรู้อย่างทั่วถึง โดยที่การตัดสินใจใดๆ จะต้องดำเนินการผ่านกระบวนการรัฐสภาอย่างเคร่งครัด
ด้าน นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นประชาชนและทุกภาคส่วน ในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ตนเห็นด้วยที่จะต้องมีการชี้แจงให้กับประชาชนเข้าใจและผ่านกระบวนการคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค และหากจะต้องมีการทำสนธิสัญญา จะต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา ทั้งนี้ ขอย้ำว่าไทยไม่ได้เสียดินแดนเกาะกูด ตามที่มีฝ่ายพยายามปั่นกระแส และกัมพูชาก็ไม่คิดว่าเกาะกูดเป็นของเขาเลย.