เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 พ.ย. 67 กลุ่มผู้รับเหมาช่วง โครงการพลังงานสะอาด ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้นำแรงงานนับพันคน จาก 28 บริษัท รวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังถูกกิจการร่วมค้าต่างชาติ เบี้ยวจ่ายค่าจ้างนาน 6-8 เดือน รวมเป็นเงินหลายพันล้านบาท โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ

ขณะที่ใจความสำคัญที่ระบุในหนังสือที่ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี มีทั้งเรื่องผลกระทบที่กลุ่มบริษัทผู้รับเหมาช่วงโครงการก่อสร้างถูกเบี้ยวค่าแรงแม้จะส่งมอบงานตามสัญญาเป็นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ. 2567 ที่ได้ทำให้เกิดปัญหาต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทผู้รับเหมาช่วงกว่า 100 ราย จนส่งผลกระทบต่อแรงงานกว่า 10,000 คน รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งระบุไว้มิให้ผู้รับเหมาช่วงหยุดงานได้ แม้ว่าผู้รับเหมาหลักมิได้ชำระเงินค่างวดงาน ทำให้ผู้รับเหมาช่วงบางรายยังจำเป็นต้องดำเนินงานต่อ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

และแม้ในวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มผู้รับเหมาช่วงจะได้นำแรงงานกว่า 3,000 คน เดินขบวนไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้บริหารบริษัท ที่ด้านหน้าโรงกลั่นใน อ.ศรีราชา เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาและความเดือดร้อน โดยขอให้ช่วยเจรจาให้กลุ่มร่วมค้าต่างชาติ ยอมจ่ายค่าจ้างที่ยังค้างจ่าย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

และล่าสุดในวันที่ 8 พ.ย. 67 กลุ่มผู้รับเหมาช่วง ตัดสินใจนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดทางอาญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า ผู้แทน และบุคคลเกี่ยวข้องฐานทุจริตหลอกลวง ไม่จ่ายค่าจ้างตามสัญญา โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด

ทั้งนี้การเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี กลุ่มผู้รับเหมาช่วง ยังได้แนบเอกสารระบุผลกระทบจากการถูกค้างชำระค่าจ้างก่อสร้างที่ได้ส่งผลร้ายแรงในวงกว้าง อาทิ ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ หากเกิดการล่าช้าหรือหยุดชะงักของโครงการพลังงานสะอาด ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแผนพัฒนาพลังงานในระยะยาว ผลกระทบต่อแรงงานและครอบครัว ที่ถูกเลิกจ้างและที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง, ความเชื่อมั่นต่อเจ้าของโครงการในไทย รวมทั้งเจ้าของโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ เป็นต้น.