เมื่อวันที่ 12 พ.ย. เวลา 09.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการปรับปรุงเรือนจำแก้ปัญหาความแออัดว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ คณะกรรมการราชทัณฑ์ได้มีการตั้งการจำแนกเรือนจำ ที่ตนต้องการให้เกิดแน่นอนคือ ทำอย่างไรให้คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งศาลถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และมีคดีจำนวนมาก เปอร์เซ็นต์สูงเมื่อถึงที่สุดแล้วศาลก็จะยกนั้น หากเราสามารถแยกเรือนจำระหว่างคดีระหว่าง แยกออกจากคดีเด็ดขาดได้ ซึ่งมีประมาณ 6 หมื่นคดี ออกจากกัน ความแออัดก็จะน้อยลง ประการต่อมาต้องมีการบริหารโทษ เช่น คนป่วยมะเร็ง หรือโรคที่อยู่ในเรือนจำไม่ได้ เสี่ยงเสียชีวิตหรือหญิงตั้งครรภ์ ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์มหาวิทยาลัย คณะกรรมการราชทัณฑ์ก็กำลังเร่งทำ เพราะต้องยอมรับว่า คนที่ต้องอยู่ในเรือนจำนั้น เป็นบุคคลที่มีศักยภาพเพียงแต่ก้าวพลาด ซึ่งต้องได้รับทัณฑ์ตามกฎหมายแต่เมื่ออกมาก็ต้องตามให้ทันสังคม ดังนั้นราชทัณฑ์จึงต้องมีการพัฒนาทั้งด้านการศึกษา อาชีพ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า สิ่งท้าทายคือเราพยายามกำหนดว่าใน 1 ปี “ผู้ต้องขังระหว่าง” จะต้องถูกแยกจาก “ผู้ต้องขังในคดีเด็ดขาด” ซึ่งปัจจุบันนี้การแยกเพียงในนามเท่านั้น แต่สุดท้ายต้องไปนอนรวมกัน เพราะเราไม่มีที่ จึงพยายามอยู่ แต่การจะไปสร้างเรือนจำใหม่นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะงบประมาณน้อย แต่จะพยายามดู ทั้งนี้กฎหมายราชทัณฑ์นอกจากมีที่คุมขังอื่นแล้ว ยังมีมาตรา 6 ตามกฎหมายราชทัณฑ์ ระบุว่าสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องไม่ขัดกฎหมายวิอาญา อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องในอนาคต ซึ่งผู้ร่างกฎหมายดังกล่าวระบุว่า อาจจะมีเรือนจำเอกชน อาจจะมีบางคนขังเสาร์ อาทิตย์ เช่น เด็กต้องเรียนหนังสือ คนที่ต้องเลี้ยงดูลูก อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าต้องไม่ขัดกฎหมายวิอาญา เวลาตั้งก็จะมีผู้พิพากษาด้วย เพราะการพักโทษ ถือว่ายังเป็นการรับโทษ แต่เราต้องบริหารโทษให้เกิดประโยชน์ ไม่ให้หลบหนี้ ไม่ให้ไปก่อเหตุร้าย คนเหล่านี้ถือว่า เป็นพลเมืองไทยที่ต้องออกมาร่วมกันพัฒนาประเทศ  เมื่อออกจากคุกต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ทำผิดแล้วต้องกลับเข้าคุกอีก

เมื่อถามความปลอดภัยภายในเรือนจำ เนื่องจากขณะนี้มีข่าวออกมาว่า มีผู้ต้องขังในคุกจองกฐินนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และก่อนหน้านี้มีนักโทษถูกทำร้ายเสียชีวิตเรือนจำ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตอนนี้มีแนวทางในการดูแลอยู่แล้ว วันนี้ผู้คุมทำงานหนัก มีความละเอียดอ่อน ทราบว่า มีความขัดแย้งในหมู่ผู้ต้องขัง ก็ต้องดูและไม่ให้มีความขัดแย้งกัน ซึ่งจะมีหลักวิชาการอยู่ แต่ต้องยอมรับว่ามีคนน้อย ต้องหาอาสาสมัครมาช่วยคุม คล้ายๆ อาสาสมัครคุมประพฤติ เช่น ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทหาร เป็นต้น

เมื่อถามย้ำว่า กรณีของทนายตั้มต้องดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ หลังมีข่าวถูกจองกฐิน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เท่าที่คุยรักษาการ ผบ.เรือนจำก็ดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว และรายงานผู้บังคับบัญชา เพราะเรื่องต่าง ๆ แม้เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่หากเกิดปัญหาขึ้นก็จะทำให้เสียภาพลักษณ์