มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ประกาศปลุกกระแสตลาด C-SUV ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นยอดนิยมเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด New Mazda CX-5 ที่ได้รับการพัฒนาให้ครบครันสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในทุกด้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ หรูหรา สปอร์ต โฉบเฉี่ยว โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ด้วยดีไซน์ภายนอกใหม่ และสร้างความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ของมาสด้า และตอบโจทย์การใช้งานของผู้คนยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างออกไป และกำลังมองหารถที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ
จัดเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด เพิ่มเติมมาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ผนวกกับสมรรถนะอันทรงพลังกับทางเลือกสองเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร และ Skyactiv-D 2.2 ลิตร พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC-Plus ที่ให้ทั้งพละกำลังความแรง
การกลับมาบุกตลาดในครั้งนี้ของ มาสด้า CX-5 เป็นการส่งมอบครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น มาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่ที่หรูหราสง่างาม และยังคงเอกลักษณ์จุดเด่นของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟซึ่งเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ยังคงได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกในปัจจุบัน ด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง ที่ทั้งแรง ประหยัดน้ำมัน ดูแลรักษาง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย โดยที่ไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบเพิ่มเติมที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในอนาค
ดีไซน์ภายนอกใหม่ เพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว และยกระดับภาพลักษณ์ครอสโอเวอร์เอสยูวีสปอร์ตหรูให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้าและไฟท้าย แบบ LED ดีไซน์ใหม่ ทั้งกระจังหน้า กันชนหน้า และกันชนหลัง พร้อมชุดตกแต่งคิ้วข้างประตูใหม่ โดดเด่นอย่างมีรสนิยมด้วย กระจังหน้าสี Piano Black ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอย 3 แบบ 3 รุ่น และท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมาจนล้นคันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
เพิ่มระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift รองรับการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด ด้วย Wireless Apple CarPlay และ Android Auto เพิ่มอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger เปิดกว้างในทุกมุมมองด้วยหลังคา ซันรูฟแบบไฟฟ้าปรับช่วงล่างใหม่ทุกรุ่น ลดการสั่นสะเทือนจากภายนอกสู่ภายในห้องโดยสาร ขับสนุกยิ่งขึ้น นุ่มสบายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีความสะดวกสบายเพิ่มเติมมาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เพื่อช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารบนโลกโซเชียล และอัพเดทเทรนด์ได้ทุกที่ทุกเวลากับเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด Wireless Apple CarPlay ที่พร้อมให้เชื่อมต่อไร้สาย และรองรับ Android Auto โดยแสดงผลบนหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะที่หรูหราและจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังมอบสุนทรียศาสตร์ตลอดการเดินทาง ด้วยระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ในรุ่นเริ่มต้นยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ซึ่งช่วยมอบความสะดวกสบายต่อการใช้งานทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road (Off-Road Traction Assist) เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง
มาพร้อม 2 ทางเลือกคือเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive ที่พัฒนาให้ตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม ให้พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกไดเรคอินเจ็คชั่น รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตร/ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทั้งแรงและประหยัด ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT ประหยัดน้ำมันได้ถึง 15.9 กิโลเมตร/ลิตร ได้รับการรับรองมาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ Euro5 และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
มาสด้าได้เพิ่มฟังก์ชั่นทั้งระบบความปลอดภัย การใช้งานที่สะดวกสบาย ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดในตลาด แต่ปรับราคาลดลงจากรุ่นปัจจุบันประมาณ 100,000-250,000 บาท โดยรุ่น 2.0 S ราคาเริ่มต้น 1,150,000-1,250,000 บาท, รุ่น 2.0 SP ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,250,000–1,350,000 บาท และรุ่น XDL ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,600,000–1,700,000 บาท
นอกจากนี้ เปิดจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 11-27 พ.ย. 67 ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผ่านช่องทาง https://m.mazda.co.th/prcx5reg เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 20,000 บาท พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท และรับรถภายในวันที่ 31 ธ.ค. 67 รวมทั้งฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และรับข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย.
