ลมหนาวมาแล้วได้เวลาเก็บกระเป๋าออกเดินทางไปสัมผัสอากาศเย็นสบายในช่วงปลายปี  วันนี้มาปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจทั้งป่าเขาและทะเล ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคัดสรรไว้ให้รอให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือน  

โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติในประเทศไทยมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติรวมมากกว่า 300 เส้นทาง มีระยะทางรวมมากกว่า 900 กม. ระยะทางสั้น ๆ ตั้งแต่ 100 ม. ไปจนถึงไกลสุด 64 กม.  โดยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะไกล (Hiking-or-Trekking-trails)​ คือ เส้นทางที่มีระยะทาง 2 กม.ขึ้นไปเน้นเรื่องของการออกกำลังกายกลางแจ้ง มีจำนวน 80 เส้นทาง

สำหรับในภาคเหนือ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน ซึ่งมีเส้นทางให้เลือกหลากหลาย ทั้งเส้นทางระยะไกลดอยภูแล เส้นทางเด่นช้างนอน เส้นทางน้ำตกขุนน้ำปัว เส้นทาง 1,700 และเส้นทางดอกชมพูภูคา นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เส้นทางดอยค้ำฟ้า ในอุทยานแห่งชาติผาแดง และจุดชมวิวยอดภูชี้ฟ้าในอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย ที่สวยงามโดดเด่น

ภาคกลางและภาคตะวันออก โดดเด่นด้วยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.นครนายก สระบุรี นครราชสีมา และปราจีนบุรี มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกกองแก้วและน้ำตกเหวสุวัต และยังมีเส้นทางเดินป่าระยะไกลที่ท้าทาย อาทิ ยอดเขาโมโกจูในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.กำแพงเพชรและนครสวรรค์ เส้นทางเดินป่าระยะไกลยอดเขาเย็นและยอดเขาขนุนในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จ.กำแพงเพชรและตาก

ภาคตะวันตกและภาคใต้ มีเส้นทางที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่ายางนาในอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม จ.ประจวบคีรีขันธ์ เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกบุญญบาลในอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี จ.ระนอง และเส้นทางชมบัวผุดบ้านสะพานนาคในอุทยานแห่งชาติคลองพนม จ.สุราษฎร์ธานี

ไฮไลท์สำคัญในปีนี้คือการเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งใหม่ “สันพญานาค” อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมชมทัศนียภาพที่สวยงามตลอดเส้นทาง และเส้นทางศึกษาธรรมชาติต้นพระเจ้า 5 พระองค์ ในอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน จ.น่านและพะเยา จุดชมทิวทัศน์ลานกางเต็นท์ม่อนพระยาแช่ และเส้นทางหน้าผาช้าง-กิ่วสน-ดอยฝรั่ง ในอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต จ.ลำปาง และเส้นทางเดินป่าระยะไกลยอดเขาหลวง อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์

นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหลายแห่ง อาทิ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ที่โดดเด่นด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศภูเขาสูง เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ระบบนิเวศป่าดิบเขา และดอยม่อนจองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ที่มีจุดชมวิวทิวทัศน์อันงดงาม

ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ทางกรมอุทยานฯ ได้เตรียมพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลชื่อดังหลายแห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง

ขณะที่กรมอุทยานฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีป้ายสื่อความหมายและจุดพักตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินในการได้รับบริการ ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=24757 หรือ และจองบ้านพักอุทยานแห่งชาติได้ที่ https://nps.dnp.go.th/reservation.php

ทั้งนี้สำหรับอุทยานฯ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด 10 อันดับแรกในปีงบประมาณ 2567  ได้แก่ 1.อุทยานฯ เขาใหญ่ จำนวน 1,486,571 คน 2.อุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 1,153,515 คน 3. อุทยานฯเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จำนวน 991,102 คน  4.อุทยานฯ อินทนนท์ จำนวน 758,131 คน 5.อุทยานฯ คิชฌกูฏ  จำนวน 734,776 คน 6.อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน จำนวน  578,535 คน  7.อุทยานฯอ่าวพังงา 530,204 คน 8.อุทยานฯ เอราวัณ จำนวน 519,235  คน 9.อุทยานฯ น้ำตกพลิ้ว จำนวน 434,110 คน 10.อุทยานฯ 10.เขาสก จำนวน  424,376 คน.