เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย. 67 บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ในเรือนจำฯ ว่า สำหรับการเตรียมสถานที่ในการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 18 บอส ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลางนั้น กรมราชทัณฑ์ประสานเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอตามปกติในส่วนราชการ และพร้อมอำนวยความสะดวก ซึ่งการแจ้งข้อหาพร้อมกันต้องวางแผนบริหารคงไม่ใช่พร้อมกันทีเดียว
นางกนกวรรณ เผยอีกว่า ในเรื่องสุขภาพร่างกายทั้ง 18 บอส โดยรวมยังปกติทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ยังไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ส่วนผู้มีโรคประจำตัวมีการดูแลตามมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนกรณีนายธวินทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ “บอสวิน” ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ให้การดูแลเป็นพิเศษอย่างไรบ้างนั้น ตนยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ นอกจากนี้ การปรับตัวทั้ง 18 บอส ทุกคนดีขึ้น แต่ต้องใช้ระยะเวลาสักพัก
นางกนกวรรณ เผยอีกว่า กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม หลังเข้ามาเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ระหว่างการปรับตัวและคงใช้เวลาอีกระยะ แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล ซึ่งเจ้าตัวมีอาการเครียดบ้างแต่ไม่มาก ส่วนภรรยาทนายตั้มในทัณฑสถานหญิงกลาง มีอาการเครียดเล็กน้อยเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าทนายตั้มอาจมีคนจองกฐินไว้เยอะนั้น มีมาตรการดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ หรือแยกคุมขังอย่างไร นางกนกวรรณ กล่าวว่า เป็นเรื่องกรมราชทัณฑ์ต้องเฝ้าระวัง และไม่ใช่เฉพาะทนายตั้มเพียงคนเดียว โดยเรือนจำทุกแห่งทั่วประเทศ คำนึงถึงความปลอดภัยและสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีข้อมูลเฝ้าระวัง มีการบริหารจัดการรายบุคคลต้องดูแลอย่างไร และขณะนี้ ทนายตั้ม อยู่แดนกักโรคตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ยังไม่ได้เจอกับกลุ่มบอสดิไอคอน
เมื่อถามว่าทนายตั้มมีอาชีพทนาย มีผลต่อการสร้างอิทธิพลในเรือนจำหรือไม่ นางกนกวรรณ กล่าวว่า ยืนยันเรือนจำทุกแห่งมีการเฝ้าระวังในการที่บุคคลจะสร้างอิทธิพลในเรือนจำ แต่เชื่อว่าไม่น่าเกิดขึ้น ส่วนกระแสข่าว ผกก.โจ้ แม้อยู่คนละเรือนจำ แต่มีเส้นสายอาจจองกฐิน ทนายตั้ม นั้น ยังไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่า ผู้ต้องขังก่อเหตุในเรือนจำพิเศษมีนบุรี มีการตรวจสอบอาวุธของปลายแหลมอย่างไร นางกนกวรรณ กล่าวว่า ปกติการตรวจสอบอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือสถานที่ หรือยานพาหนะ เป็นเรื่องที่เรือนจำทุกแห่งต้องดำเนินการตรวจสอบทุกวันอยู่แล้ว ป้องกันอย่างเต็มที่ มีการรายงานมาทั้งพบบ้างและไม่พบบ้าง พร้อมนำสิ่งแปลกปลอมออกทันที
เมื่อถามว่าแต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้มีผู้เสียชีวิตในเรือนจำ ข้อบกพร่องน่าจะเกิดจากจุดไหน นางกนกวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีความคืบหน้าจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนที่มีจุดบกพร่องส่วนไหนจะนำไปแก้ไขต่อไป ขอเรียนว่าเรือนจำพิเศษมีนบุรี ยังมีข้อจำกัดในเรื่องความแออัด อัตราส่วนของเจ้าหน้าที่ยังค่อนข้างน้อย ส่วนการตรวจสอบจำเป็นต้องทำอยู่แล้ว พยายามทำอย่างเต็มที่
“อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเพราะมีผู้เสียชีวิต และมอบ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมยอมรับว่า ภายในแดน 5 เป็นแดนค่อนข้างใหญ่ แต่กรณีเป็นคู่อริกัน เจ้าหน้าที่ต้องพยายามแยกกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ เพื่อไม่ให้เจอกัน ลดการเผชิญหน้า แต่ที่ผ่านมาก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ตามปกติ ส่วนรายละเอียดอื่น ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน” นางกนกวรรณ ระบุปิดท้าย.