ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคณะได้มาทำบุญกฐินสามัคคีที่วัดคลองครุ (ปัฐวิกรณ์) เขตคันนายาว กรุงเทพ โดยมีคนร่วมงานที่น่าสนใจคือ “บิ๊กต๊ะ” พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) “บิ๊กต๊ะ” ให้สัมภาษณ์ว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ระลึกถึง นายทักษิณมาโดยตลอด เพราะเป็นคนที่เคยรู้จักกัน มีเยื่อใยอันดีต่อกัน อยู่คนละพรรคเราก็ยังรักกันได้

“ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่ก็ต้องถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก โดย พปชร.เสนอแนะรัฐบาลให้แก้ไข ทั้งคดีตากใบหรือ MOU 44 ที่กังวลว่าเราอาจจะเพลี่ยงพล้ำหรือสูญเสียดินแดน และต้องการทำให้รัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเรามาในหน้าที่เป็นฝ่ายคอยเป็นกระจกส่องรัฐบาล” นายตำรวจใหญ่กล่าว

ในงานนี้ ผู้สื่อข่าวได้โอกาสคุยกับอดีตนายกฯ แม้ว ที่ถูกโจมตีเรื่องพักที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจนาน อดีตนายกฯ ตอบสบายๆ “ไม่มีอะไรเลย จะหาเรื่องก็หาเรื่องกันไปเรื่อย ๆ แล้วกัน ไม่เป็นไร คนจะหาเรื่อง ส่วนผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรก็จบ ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยจะออกมาแฉ อยากทำอะไรก็ทำ ที่มีคนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทย ก็รู้กันอยู่ว่าแต่ละคนมีวัตถุประสงค์อะไร ไม่มีอะไรต้องกังวล เราทำในสิ่งที่ที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ประเพณีปฏิบัติ ไม่เห็นต้องสนใจอะไร เราก็ทำงานไป คนจะร้องก็ร้องไป”

อดีตนายกฯ พูดถึงประเด็นที่ถูกร้องว่า ครอบงำรัฐบาล คือ 6 พรรคร่วมรัฐบาลมาบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถูกวินิจฉัยว่าขาดคุณธรรมจริยธรรม และต้องพ้นจากตำแหน่ง นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มีอะไรเลย ที่พรรคร่วมเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ไปกินมาม่า มาม่าอร่อย” และประเมินการทำงานของ “นายกฯอิ๊งค์”น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวว่า “ดี มุ่งมั่น และก็รู้เรื่องราวของประเทศได้ดีมาก” และว่า เรื่องการโจมตีนายกฯ อย่าเรียกว่าเป็นกระแส เพราะมาจากแค่กลุ่มคนขาประจำ ขอให้มาโจมตีพ่อคนเดียวดีกว่า ง่ายดี เพราะตนไม่เป็นไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะลงพื้นที่ช่วย “ป๊อบ ศราวุธ เพชรพนมพร” สู้ศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.อุดรธานีกับผู้สมัครของพรรคประชาชน ( ปชน.) อดีตนายกฯแม้ว ตอบว่า ก็ตั้งใจไปพบปะประชาชนที่ไม่เคยลืมกันตลอด 17 ปี ตั้งใจจะไปถามสารทุกข์สุกดิบ “ไม่ได้ปราศรัยหาเสียงมานานแล้ว ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ แต่ไม่ได้โจมตีใคร มั่นใจว่าคนอุดรธานีไม่เคยลืมพรรคเพื่อไทยและยังจำผมได้อยู่เป็นจำนวนมาก”

ส่วนเรื่อง MOU 44 เพื่อเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ( OCA ) ซึ่งถูกนำไปโจมตีรัฐบาล อดีตนายกฯแม้ว กล่าวว่า ว่า MOU 44 เป็นเพียงบันทึกข้อตกลงว่าจะคุยกัน ปรับตัวเข้าหากันอย่างไร ยังไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ต้องเข้าสภา เรื่องนี้มีกฎหมายรองรับอยู่ ทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในช่วงที่ประเทศกัมพูชาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจไม่มีอะไรเลย บางคนไม่ทราบว่า MOU 44 คืออะไรแต่ขอตีไว้ก่อน ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นเต้น ไม่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับกัมพูชา

วันเดียวกัน ที่เกาะกูด จ.ตราด “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางไปเข้าตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) อ.เกาะกูด จ.ตราด เพื่อบำรุงขวัญ และตรวจการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลกองทัพเรือที่ปฏิบัติงานบนเกาะกูด

“บิ๊กอ้วน”กล่าวกับกำลังพลว่า ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่การเตรียมเจรจาการจัดการทรัพยากรตามกรอบของ MOU44 จึงอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนขึ้นในสังคม แต่ขอย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไป กองทัพเรือได้จัดกำลังดูแลอธิปไตยของชาติทางทะเลด้านตะวันออกโดยเฉพาะพื้นที่เกาะกูดมาตั้งแต่อดีต และเมื่อไทยประกาศไหล่ไหล่ทวีป เมื่อปี พ.ศ. 2516 กองทัพเรือ ก็ได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ปรากฏปัญหาในพื้นที่
จากนั้น รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า การตั้งคณะกรรมการร่วมเทคนิคฝ่ายไทย (JTC) จะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ตามที่นายกฯได้ระบุไปแล้ว

ขณะนั้นนายกฯไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ( ประชุมเอเปกที่กรุงลิมา เปรู ) แต่ระหว่างนี้ทางกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกระทรวงการต่างประเทศนำร่างเดิมมาดูแล้วปัดฝุ่น ซึ่ง JTC ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการโดยตำแหน่งเกี่ยวข้องเขตแดน กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายทะเล แต่พยายามให้เพิ่มสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เพื่อความครอบคลุมมากขึ้น จะได้ไม่รู้สึกว่ากระทำเพื่อคนกลุ่มหนึ่ง รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วง

นายศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ( ทสท.) ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลควรพูดถึงพื้นที่ทางทะเลมากกว่าตัวเกาะกูด ผลจากการทำ MOU 44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีเส้นเขตแดนตามที่ปรากฏเป็นแผนที่อยู่ใน MOU นั้น ทำให้น่านน้ำของจังหวัดตราดได้เข้าไปอยู่ในเส้นของกัมพูชาแล้ว และพื้นที่อาณาเขตของเกาะกูดก็เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชาด้วยเช่นกัน รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทยก็เข้าไปอยู่ในเส้นของกัมพูชาด้วย ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขายอมให้ทำกัน

“หากพิจารณาตามหลักกฎหมายสากลแล้ว เราจะไม่มีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอาณาเขต และเขตเศรษฐกิจต่อเนื่องทางทะเลเลย แต่จะมีพื้นที่ทับซ้อนเฉพาะที่เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะเท่านั้น ซึ่งก็จะมีจำนวนพื้นที่น้อยกว่ามากตามที่ได้อ้างสิทธิ์อยู่ในปัจจุบัน แผนที่ที่ปรากฏใน MOU 44 นี้ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนบนเหนือเส้นที่ 11 องศาเหนือ ขึ้นไป ให้เป็นพื้นที่เจรจาแบ่งเขตแดน และส่วนล่างเส้นที่ 11 องศาเหนือลงมา ให้เป็นพื้นที่เจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ ทำไมจึงเจรจาเขตแดนเฉพาะพื้นที่ส่วนบน แต่ส่วนล่างที่เป็นผลมาจากการที่กัมพูชาลากเส้นไหล่ทวีปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากล เรากลับไปยอมรับเป็นเขตแดนแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน หรือ JDA”นายศักดิ์ณรงค์ กล่าว

รองเลขาธิการพรรค ทสท. เห็นว่า ภายใต้ MOU 44 นี้ ทำให้ไทยจำต้องไปยอมรับการมีอยู่ และการคงอยู่ของเส้นแนวเขตของกัมพูชา รัฐต้องเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาได้พิจารณาลากเส้นแนวเขตแดนของประเทศเขาเสียใหม่ โดยไม่ล้ำอธิปไตยของไทย ให้มีความถูกต้อง ชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศที่สากลยอมรับ ขอให้นายกฯ และนายภูมิธรรมพิจารณาดูว่า ภายใต้ MOU44 นี้ ไทยได้อะไรและเสียอะไร ถ้าเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย ก็สมควรที่จะต้องยกเลิก MOU 44 นี้ แล้วหาวิธีเจรจาทำความตกลงกันใหม่ ไม่ต้องกลัวกัมพูชาจะฟ้องร้องเรา เพราะ MOU คือบันทึกความเข้าใจร่วมกันเท่านั้น ไม่ใช่สนธิสัญญาอะไรที่มีข้อผูกมัดใดๆ

ก็ต้องรอดูการเปิดเผยข้อมูลจากแต่ละฝ่าย เรื่องอธิปไตยเหนือพื้นที่นี้ละเอียดอ่อน คาดว่าในกระบวนการเจรจาคงได้ภาพที่ชัดขึ้นไทยได้เสียอะไร ก่อนจะนำไปสู่การเซ็นสัญญาจัดสรรผลประโยชน์ต่อไป