เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวข่าวเศร้าของวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สูญเสียนักแสดงอาวุโส “คุณยายบรรเจิดศรี ยมาภัย” หรือ “ป้าศรี” ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ สิริอายุ 100 ปี ซึ่งคุณยายบรรเจิดศรี ก็ยังเป็นที่รักของแฟนคลับทั่วประเทศอีกด้วย ต่อมาในวันที่ 7 พ.ย. ช่วงเย็นที่ผ่านมา ได้มีนักแสดงชื่อดังมากมาย อาทิ วุธ อัษฎาวุธ, หนึ่ง มาฬิศร์, กรีน อัษฎาพร, กวาง กมลชนก, ดวงดาว จารุจินดาและรวมถึงศิลปินท่านอื่น ร่วมเดินทางมาฟังสวดพระอภิธรรมคุณยายบรรเจิดศรี ในคืนแรกกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด คุณอาดวงดาว ได้เปิดใจหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณป้าศรี ซึ่งเป็นท่านผู้ใหญ่อีกหนึ่งคนที่อาดวงดาวได้นับถือ และร่วมแสดงละครด้วยกันมาหลายเรื่อง อีกทั้งยังมีความทรงจำและโมเมนต์ที่น่ารักด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง โดยคุณอาดวงดาว ได้เผยว่า

“คืนนี้ก็มาร่วมฟังสวดอภิธรรมคืนแรก อันดับแรกคือตกใจหลังจากทราบข่าว คือปกติจะไปกราบสวัสดีปีใหม่พี่แดง (ลูกสาวป้าศรี) กับป้าศรีทุกปี พอมา 2 ปีหลังก็คือไม่ได้เจอกับพี่แดงและป้าศรี แต่เราก็คอยฟังข่าวอยู่ตลอดนะ และท่านก็เพิ่งจะจัดเลี้ยงอายุครบ 100 ปี ไป ก่อนหน้านี้ ก็พอทราบถึงอาการป่วยของป้าศรีบ้าง และตอนที่ท่านเล่นละครอยู่ด้วยกัน ป้าศรีชอบกินน้ำอัดลม แล้วก็กระดูกท่านเริ่มหายไป เราก็รู้ตรงนี้ว่าท่านมีการผ่าตัดกระดูก ครั้งที่เราไปเยี่ยมท่าน ท่านก็จะคุย อารมณ์ดีเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่ได้ลุกขึ้นมาเหมือนเดิม พอมารู้อีกทีก็ท่านเสียแล้ว เลยมาถามพี่แดงว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร จริงๆ ท่านก็ไปสบายแล้ว ส่วนความผูกพันกับท่านผูกพันมากๆ ไม่อยากพูดน้ำตาจะไหล (เสียงสั่น) คืออาดาวกับป้าศรี เล่นละครคู่กันมาตั้งแต่เรื่อง คู่กรรม ซึ่งเรื่องนี้ก็ใช้เวลายาวนานในการถ่ายทำมากเลย เพราะฉะนั้นการที่เราอยู่กับทุกคนในกองถ่าย ไม่ว่าจะเป็น เบิร์ด ธงชัย น้องกวาง กมลชนก หรือป้าศรี มันคืออยู่กันแบบทุกวัน เหมือนเราเลิกหยุดการพากย์หนัง เพื่อมุ่งสู่การเล่นละคร เพราะว่าเราอยากเล่นบทแม่อร ซึ่งในอดีตเราเคยพากย์หนัง เป็นคุณจินตรา เป็นอังศุมาลิน ฉะนั้นชีวิตเราที่อยู่ด้วยกันกับป้าศรี เล่นด้วยกันหลายต่อหลายเรื่องมาก แล้วป้าศรีนอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว ท่านยังดูแลกองเหมือนกับคุมเรื่องการเงิน ดูนู้นดูนี่ และป้าศรีก็เป็นสาวนักซิ่ง ท่านก็จะขับรถเองและเร็ว เราก็จะมีแซวกันในกองตลอดเวลา ป้าศรีเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพรักมากๆ มีความผูกพันมากถึงมากที่สุด ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่อาดาวเข้าใจนะว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมดา และท่านก็แบบหลับไปสบาย อยู่มา 100 ปีแล้ว แถมยังแข็งแรง เพียงแต่ว่าเรารู้สึกใจหายในส่วนของเรา คือถ้าเราได้มีโอกาสเจอกันอีกสักครั้ง หรืออย่างน้อยวันที่ท่านครบ 100 ปี เราได้ไปร่วมงาน มันจะรู้สึกดีกว่านี้ ถามว่ายังติดอยู่ในใจไหม คือไม่เป็นไร เพราะว่าเราก็เก็บสิ่งดีๆ ที่เรามีต่อกันเอาไว้ และเป็นความทรงจำที่งดงามมากๆ สุดท้ายที่ป้าศรีมาเล่นละครกับเราคือเรื่องสายโลหิต ก็มารับเชิญ อันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ร่วมแสดงด้วยกัน ซึ่งเราเล่นละครกับป้าศรีเยอะมาก คือนอกจากจะเล่นละครด้วยกันแล้ว อย่างที่บอกป้าศรีก็ยังมาดูแลที่กอง ถึงแม้จะไม่ได้เล่นเรื่องนั้น ก็จะแซวตลอด หมวย สุภาภรณ์ ก็จะรู้ว่าป้าศรีชอบทานน้ำอัดลม คุณสุภาภรณ์ก็จะเซอร์วิสป้าศรีตลอด ทุกคนรักป้าศรีหมด มันเป็นความรัก ความผูกพัน ความจริงใจ งดงาม และป้าศรีก็ใจดีมาก ยิ้ม และป้าศรีก็มีความสุขในการที่ได้เล่นละคร เวลาที่มากองถ่ายป้าศรีจะมีความสุขมากๆ

สิ่งที่คุณยายเป็นต้นแบบให้กับคนรุ่นหลังคือ เราไม่เคยได้ยินป้าศรีบ่นเลยนะ สักคำหนึ่งก็ไม่เคย และบทก็จำแม่น ท่องบทมา ถึงแม้ช่วงหลังๆ จะใช้วิธีใส่หูฟัง แต่ช่วงแรกๆ ท่านจำบทเองได้ ท่านก็ท่องบท แล้วก็เล่นคือเป็นคุณยายที่น่ารัก ตอนเล่นกนกลายโบตั๋นกับเรา ท่านก็เล่นเป็นแม่เรา แล้วในเรื่องเราไปแต่งงานกับคนจีน แล้วต้องไปอยู่ที่เมืองจีน แล้วแม่ไปหา มันประทับใจซาบซึ้งมาก ส่วนวิธีการทำงานของคุณยายที่อาดวงดาวซึมซับมา ก็คือเราอยู่ด้วยกัน พวกเราถ่ายไปออกไปนะสมัยก่อน ท่านก็อายุเยอะกว่าเราเยอะ แต่ก็ไม่เห็นป้าศรีบ่นว่าเหนื่อยหรือว่าอะไรเลย ก็สู้กันไป อยู่ด้วยกันแบบมีความสุข ความรักมีรอยยิ้ม ในช่วงพักเบรกไม่ได้ถ่าย ก็คุยเล่นกัน มันมีความสุขเหมือนเป็นครอบครัวเลย

ตอนกราบลาป้าศรี ก็บอกว่าไม่เป็นไร วันหนึ่งเราก็ได้เจอกัน วันนี้ก็กราบลาป้าศรี ไปส่งป้าศรีเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ป้าศรีที่แสนดี น่ารัก แล้วก็อบอุ่น รักทุกคน ใจดีกับทุกคนหมด ไม่เคยเห็นป้าศรีดุเลย ตั้งแต่ทำงานกับป้าศรีมา ใครแซวใครแหย่อะไรป้าศรีก็จะยิ้มตลอด แล้วก็ตั้งใจทำงาน และมีอินเนอร์ดีมาก เป็นวิญญาณนักแสดงแบบเต็มที่ เต็มเปี่ยม เขาจำบทจำคิว คือ สุดยอด ก็กราบลาป้าศรี แล้วความทรงจำระหว่างเราสองคนจะอยู่ในใจของดาวตลอดไป แล้ววันหนึ่งเราจะได้พบกัน หลับให้สบาย หลายคนก็ยกให้คุณยายเป็นนักแสดงที่ทรงคุณค่าในบ้านเรา เราก็ภูมิใจในฐานะที่เราก็เป็นเหมือนหลานคนหนึ่งของป้าศรี ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานหลายปีมากๆ”