อย่างแรก เราต้องทราบก่อนว่าเราปลดปล่อยคาร์บอนเท่าไร ซึ่งคำนวณไม่ยาก

1. คาร์บอนรายการใหญ่คือการเดินทางโดยเครื่องบิน สมมุติว่าบินจากกรุงเทพฯ ไป 5-10 ชม. ไป-กลับ จะปล่อยคาร์บอนราว 300-500 กิโลกรัม ซึ่งสามารถเช็กรายละเอียดกับสายการบินต่าง ๆ เปรียบเทียบได้ บางสายการบินยังนำเสนอ Carbon Offset Program ที่ลูกค้าสามารถเพิ่มเงินเพื่อชดเชยคาร์บอนได้ และบางสายการบินอาจะมีการสมทบให้ด้วย

2. คาร์บอนที่เหลือคือการใช้ชีวิตในเมืองนั้น ๆ สมมุติว่าเราอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ 10 วัน ตามมาตรฐานความเป็นอยู่ของเขา หมายรวม การเดินทาง อาหาร การจับจ่ายสินค้า และพลังงานต่าง ๆ ที่ใช้ในที่พัก ค่าเฉลี่ย 1 คนจะปล่อยคาร์บอน 6-10 กิโลกรัม ถ้าเราอยู่ 10 วันจะปล่อยคาร์บอนราว 60-100 กิโลกรัม

รวมแล้วการท่องเที่ยวต่างประเทศ 10 วันเราจะปลดปล่อยคาร์บอนราว ๆ คนละ 400-600 กิโลกรัม ซึ่งตลอดปีเราจะต้องควบคุมให้ไม่เกิน 2,000 กิโลกรัมเท่านั้น การท่องเที่ยว 10 วันเราปล่อยคาร์บอนไปแล้วเกือบ 1 ใน 4 เพื่อความสบายใจ เราต้องปลูกต้นไม้เพื่อชดเชย ประมาณ 15-25 ต้น หรือสนับสนุนโครงการสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่วัดค่าคาร์บอนได้เท่ากัน … แล้วเราทำอะไรได้อีก

การเดินทางอย่างเบา นำสิ่งติดตัวไปเท่าที่จำเป็นและหาอุปกรณ์ที่มีนํ้าหนักเบา เดินทางด้วยพาหนะคาร์บอนตํ่า เช่นรถสาธารณะ เดิน หรือจักรยาน นำกระบอกนํ้าไปเอง เพื่อลดพลาสติก ในสนามบิน และสถานที่สาธารณะจะมีจุดเติมนํ้าสะอาด ถ้าเราเลือกที่พักได้เอง ให้เลือกโรงแรมรักษ์โลก ตามมาตรฐาน Green Key, Earth Check หรืออื่น ๆ การเลือกทานอาหาร และเครื่องดื่มที่มาจากท้องถิ่น ดูฉลากต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ได้เดินทางมาไกล การชอปปิงต่าง ๆ ก็ซื้อแต่พอดี ซื้อสินค้าที่มีแหล่งผลิตในท้องถิ่นนั้น ๆ สินค้ามือสองกำลังอินเทรนด์ หรือสินค้าบางแบรนด์ที่เป็นการ Recycle จากของเหลือทิ้งมา Design ใหม่ ซึ่งมีชิ้นเดียวก็กำลังเป็นที่นิยม และยังมีอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวรักษ์โลกทำได้

อย่าลืมว่าการเดินทางทุกทริปปลดปล่อยคาร์บอน เราต้องคำนวณคร่าว ๆ ให้ได้ ต้องรู้ หาทางลด และหาวิธีชดเชย เพราะเราปล่อยคาร์บอนได้คนละ 2 ตันต่อปีเท่านั้น ถ้าไม่อยากให้โลกร้อนขึ้นอีก 1.5 องศา สู่หายนะ!!!