กรณี นายไชยา พลอยศรี อายุ 32 ปี ถูกลุงเพื่อนข้างบ้านใช้มีดแทงเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณบ้านเลขที่ 169 หมู่ 7 ต.ปางตาไว อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร หลังมีปากเสียงกันเรื่องเขตแดนบ้านติดกัน ส่วนมือมีด หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าป่าเขาไป อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ปัญหาโลกแตก! ศึกเพื่อนบ้านทะเลาะรุกลํ้าเขต สุดท้ายบานปลายชักมีดแทงกันเสียชีวิต
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไป สภ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ภายหลังรับแจ้งว่า ญาติผู้ก่อเหตุเข้ามาให้ปากคำกับตำรวจ หลัง นายจำนงค์ อายุ 68 ปี ผู้ก่อเหตุขอเข้ามอบตัว โดย น.ส.อ้อย อายุ 39 ปี ลูกสาวคนก่อเหตุ ให้ข้อมูลว่า พ่อติดต่อให้พาเข้ามอบตัวในเช้าวันนี้ ซึ่งพ่อไม่ได้หนี แต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังก่อเหตุก็พยายามจะเดินลัดภูเขาและป่าระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ไปบ้านลูกสาวอีกคนเพื่อขอให้พาเข้ามอบตัว โดยเดินเท้าเปล่านานกว่า 3 วัน เนื่องจากอายุมากแล้วอาจช้า กว่าจะถึงบ้านลูกสาว
ลูกสาวผู้ก่อเหตุ เผยอีกว่า เลยทำให้หลายคนเข้าใจว่าพ่อหนี แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ซึ่งตนได้มีโอกาสคุยกับพ่อเบื้องต้นไม่นาน โดยพ่อเล่าว่า ผู้ตายเดินเข้ามาหาเรื่องหน้าบ้าน พร้อมกับท้าทายให้ลงมาจากบ้านชั้น 2 หลังจากนั้นมีการชกต่อยกัน และเกิดบันดาลโทสะใช้มีดจ้วงแทงเพื่อป้องกันตัว ซึ่งขณะนั้นผู้ตายก็มีอาการมึนเมา ซึ่งตามร่างกายของพ่อตน ก็มีบาดแผลจากการต่อสู้เต็มตัวหลายจุด อีกทั้งผู้ตายบุกเข้ามาหาเรื่องถึงบ้านในยามวิกาล และก็ไม่รู้ว่ามีอาวุธมาหรือไม่ ยืนยันว่า ป้องกันตัวไม่ได้คิดหลบหนี เพียงตกใจเท่านั้น
ขณะที่ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับนายจำนงค์ ผู้ก่อเหตุขณะที่ตำรวจกำลังพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ตายได้ตะโกนด่าตนและท้าทายให้ออกมาหา โดยบอกว่าจะนำปืนมายิงตนให้ตาย พร้อมกับเดินตรงเข้ามาทำร้าย จึงต่อสู้ จนตนได้รับบาดเจ็บที่แขนและร่างกายหลายจุด พร้อมกับถีบตนจนล้มหงายท้องไป หลังจากลุกได้ จึงวิ่งเข้าบ้านเพราะสู้ไม่ได้ ซึ่งผู้ตายก็วิ่งตามเข้าไปในบ้าน และพูดตลอดว่าจะยิงตนให้ตาย เลยคิดว่าน่าจะมีปืนมาด้วยจริงๆ โดยวิ่งตามเข้าไปถึงในห้อง จึงใช้มีดต่อสู้ป้องกันตัว เรื่องที่หลบหนีไปนั้น เพราะกลัวว่าฝ่ายผู้เสียชีวิตจะมารุมทำร้ายตน เพราะตนอาศัยอยู่บ้านคนเดียว
ส่วนเรื่องที่ดินก็น่าจะจบแล้ว เพราะผู้ใหญ่เก่าและผู้ใหญ่ใหม่เป็นคนไกล่เกลี่ยและปักหมุดวัดที่ให้แล้วก็น่าจะจบ ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าผู้ตายจะยังคาใจและเข้ามาบุกในบ้านจนเกิดเหตุขึ้น ซึ่งตนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ตายเสียชีวิต ใช้มีดแทงเข้าไปก็ไม่รู้ว่าเข้าหรือไม่เข้าด้วย
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดคลองปลาสร้อย ที่ใช้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลผู้เสียชีวิต ก็มีทางครอบครัวของผู้ตายและชาวบ้านมาช่วยงานกันจำนวนมาก ซึ่งก็ยังรอว่าตำรวจจะมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่ ซึ่งก็อยากถามว่าผู้ก่อเหตุทำไปเพราะเหตุใด พอรู้ว่าตำรวจจับได้แล้วและให้การว่าไม่ได้หลบหนี ส่วนที่ก่อเหตุนั้นเพราะป้องกันตัว ทำให้ชาวบ้านและญาติรู้สึกว่าสิ่งที่นายจำนงค์พูดนั้นไม่เป็นความจริง โดยเตรียมที่จะเข้าไปพบกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เตรียมยื่นคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุบ้านอยู่ติดกัน หวั่นจะกลับมาวุ่นวายกับคดี และหวั่นว่าจะกลับมาทำร้ายคนในบ้านอีกเพราะมีบ้านติดกัน โดยจะทำการฌาปนกิจศพผู้ตายในบ่ายพรุ่งนี้
นางมณี อายุ 46 ปี แม่ของผู้ตาย เล่าว่า หลังรู้ข่าวว่าตำรวจจับตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ก็ต้องขอขอบคุณที่ตำรวจทำงานได้ดีและรวดเร็ว ตนในฐานะคนสูญเสียลูกไป ก็ยังทำใจไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าฝั่งผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนี แต่แค่ไปตั้งหลัก และเหตุที่ทำลงไปเพราะป้องกันตัว ตนมองว่าไม่เป็นความจริง ยังเชื่อว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีและตั้งใจที่จะฆ่าลูกตน ไม่ใช่แค่ป้องกันตัว โดยจะขอยื่นคัดค้านการประกันตัวของผู้ก่อเหตุ เพราะดูง่ายเกินไป อยากขอความเป็นธรรมให้ตำรวจทำคดีตรงไปตรงมา เพราะการสูญเสียของตนครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งก็อยากให้ผู้ก่อเหตุมาขอขมาศพลูกชายตน จะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของการสูญเสีย