ในเรื่องการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area : OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังไม่คืบหน้าเพราะ ครม. ยังไม่มีมติตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค ( Joint Technical Committee: JTC ) เพื่อพูดคุยกับทางกัมพูชา “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร บอกว่า ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์น่าจะเข้า ครม. และยังต้องพิจารณาอีกว่า “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จะเป็นกรรมการหรือไม่
ด้าน “บิ๊กอ้วน” เองออกอาการมู้ดดี้ บอกว่า กระทรวงการต่างประเทศจะส่งชื่อกรรมการ JTC ให้ ครม.เมื่อไรก็แล้วแต่ทางกระทรวง แต่ขอยืนยันซ้ำว่า ไทยไม่เสียดินแดนเกาะกูด ยึดตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศสได้ขอพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณไป และยกชายฝั่ง จ.ตราด และเกาะต่างๆ ให้เรา กัมพูชาก็ไม่ได้มีการอ้างสิทธิ์ในเกาะกูด และเรื่องเกาะกูดไม่เกี่ยวกับ MOU44 ขอให้ยุติการพูดเรื่องนี้ เพราะเป็นการพูดที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
“MOU 44 ไม่เกี่ยวกับเกาะกูด มันเกิดขึ้นจากการประกาศเขตไหล่ทวีป ซึ่งปี 2515 ประเทศกัมพูชาประกาศมาใกล้เขตแดนไทยและปี 2516 เราก็ประกาศไปใกล้เขตแดนกัมพูชา ดังนั้นจึงมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ ซึ่งในโลกนี้ไม่ว่าใครที่มีพื้นที่ทับซ้อนจะต้องเจรจา ดังนั้น MOU 44 จึงเป็นข้อตกลงที่ให้ไปเจรจากัน หากไทยยกเลิกตรงนี้ก็เท่ากับว่าประเทศไทยไม่รักษาสิทธิในเขตแดน ถ้าพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ออกมาโจมตีเรื่องนี้ ก็ให้ไปถามหัวหน้าพรรค ( พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ) เอาว่า ทำไมในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ ที่เขาเป็นประธานคณะเจรจาเรื่อง MOU ไปเจรจาอะไร เรื่องนี้ถูกขุดขึ้นมาโดยยังไม่ได้ดำเนินการอะไรด้วยซ้ำ ” นายภูมิธรรม กล่าว
“หัวหน้าเท้ง”นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊ก ถามว่า พื้นที่ OCA ระหว่างไทยกับกัมพูชา ขนาด 26,000 ตารางกิโลเมตรนั้น 1.หากไทยกับกัมพูชาเจรจากันเป็นผลสำเร็จ จนนำไปสู่การเปิดแหล่งปิโตรเลียมได้ สัมปทานเหนือพื้นที่ที่ไทยเคยให้แก่บริษัทต่างๆ ทั้งของไทยและต่างชาติตั้งแต่ปี 2515 แต่ถูกแช่แข็งไว้เนื่องจากยังไม่สามารถตกลงเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อนกันได้นั้น จะมีการจัดการอย่างไร จะเปิดประมูลใหม่หรือไม่
2.หากมีการเปิดประมูลใหม่ รัฐบาลจะจัดการอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ไม่ละเมิดกติการะหว่างประเทศ และไม่ใช่การเปิดช่องให้กลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่งเข้ามาแสวงหาความมั่งคั่งจากทรัพยากรของคนไทย
ในส่วนการท่องเที่ยว นายวิชิต สุกะสูยานนท์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตราด เปิดเผยว่า จากข่าวสารเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่มาตราด เมื่อตรวจสอบกับสมาชิกในสมาคม ยอดจองห้องพักหายไป 30 % ขอให้มีหน่วยงานระดับประเทศออกมาชี้แจง เพื่อให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวลถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น เพราะส่วนใหญ่เป็นข่าวปลอมและมีการปั่นกระแสเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่า
นายอรรถพล กลิ่นทับ ผู้บริหารบริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด ซึ่งมีเรือโดยสารเดินทางไปยังเกาะกูด กล่าวว่า ข่าวที่ว่าเกาะกูดจะเป็นของกัมพูชาล้วนเป็นข่าวปลอม ข่าวในลักษณะนี้มีมา 2-3 ครั้งแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้สนใจปัญหานี้ หรือไม่รับรู้ปัญหานี้ ทำให้ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะกูดและเกาะหมากอยู่ แต่อาจจะมีปัญหาเฉพาะกลุ่มคนไทยที่ไม่รู้ข้อมูลมากกว่า ข่าวทำให้นักท่องเที่ยวไทยมีทัศนคติไม่ดี และไม่เชื่อมั่นกับสถานการณ์ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย
เรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันก็ยังต้องรอการตั้งกรรมการ และกำหนดการเจรจา ตอนนี้ก็อย่าด่วนปั่นกระแสชาตินิยมมาทำให้เกิดความวุ่นวาย
สำหรับอีกเรื่องที่รุมเร้ารัฐบาลอยู่ตอนนี้ คือพ่อนายกฯ ที่กำลังโดนสอบเรื่องป่วยทิพย์ จริงๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลนี้เท่าไรนักเพราะอดีตนายกฯแม้วก็มาไทยช่วงรัฐบาลประยุทธ์ แต่เมื่อลูกสาวนายทักษิณเป็นนายกฯ มันก็ออกจะมีเรื่องแนวๆ ตีวัวกระทบคราด .. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ขอเวชระเบียน การพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจของอดีตนายกฯแม้วว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ยินดีให้ความร่วมมือ
“ขอยืนยันว่าไม่มีสักนาทีที่นายทักษิณออกจากห้องรักษาตัว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เคยตรวจสอบ และผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยในเรื่องเดียวกัน และมีผู้เสียหายคนเดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินบอกว่าไม่มีความผิด กสม.ระบุว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ในทางกฎหมาย ถ้าหน่วยงานอิสระรับเรื่องไว้ตรวจสอบ อีกองค์กรหนึ่งไม่ควรจะมีความเห็นต่างกัน เพราะมันอยู่ในเอกสาร” ก็ไม่ทราบว่าจะส่งสัญญาณไปถึง ป.ป.ช.หรือไม่ว่า “มีองค์กรอื่นสอบแล้ว”
ส่วนนายกฯอิ๊งค์ยืนยันว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ยินดีให้ความร่วมมือ หากตามกฎหมายเปิดเผยเวชระเบียนได้ก็ตามนั้น ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอะไร ในฐานะนายกฯ ยินดีให้ตรวจสอบ ไม่กระทบต่อรัฐบาล ถ้าเดินสายไปต่างประเทศแล้วสื่อถามเรื่องนี้ก็พร้อมชี้แจง และไม่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่จะต้องเดินสายในเวทีโลก
เกี่ยวกับเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นายกฯ อิ๊งค์ กล่าวถึงกรณี “สส.ไอติม”พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ขอเข้าหารือว่า มาได้ พร้อมรับฟัง ถ้ามีอะไรก็ต้องมีคณะมาคุยกันหรือคุยกันเป็นทางการเป็นกิจจะลักษณะ ยังไม่ได้รับหนังสือจากนายพริษฐ์ เพิ่งได้ยินจากสื่อ แต่ถ้าเขาติดต่อมาก็พร้อมให้พบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพริษฐ์ กังวลว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่เสร็จทันสมัยนี้จึงจะขอความร่วมมือกับนายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เราต้องทำในส่วนที่เราทำได้และถูกต้อง เพราะถ้าระยะยาวไปจะมีปัญหาภายหลัง การมาอยู่ตรงนี้ทำให้ทราบเรื่องของปัญหาต่างๆเยอะว่าถ้าเรารีบในขั้นตอนเกินไป นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์แล้วระหว่างทางจะถูกฟ้องกันด้วย จะแก้ไขเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ เราต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบแล้วต้องคุยกันว่าไทม์ไลน์เป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ก็ต้องมาพูดคุยกัน และเก็บหมวด 1 หมวด 2 ไว้”
ก็คงสรุปได้ว่า จะเริ่มกระบวนการเมื่อไร กำหนดไทม์ไลน์เมื่อไร ให้ไปคุยกันอีก.
“ทีมข่าวการเมือง”