สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวถึงการที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า “รัฐบาลเคียฟจะแสวงหาโอกาสการมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง” ในกรณีไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) “เป็นการยั่วยุที่อันตราย”
ปูตินกล่าวต่อไปว่า ท่ามกลางโลกในยุคสมัยใหม่ และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลานี้ “การมีอาวุธนิวเคลียร์ไมใช่เรื่องยาก” โดยส่วนตัวเขา “ไม่ทราบ” ว่ายูเครนมีพัฒนาการด้านนี้ไปถึงไหนแล้ว แม้สถานการณ์ตอนนี้ถือว่า “ไม่ง่าย” สำหรับอีกฝ่าย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะสงคราม “แต่โดยหลักการไม่ถือเป็นเรื่องยาก”
ด้านเซเลนสกีออกมาชี้แจงในเวลาต่อมา ว่ายูเครน “ไม่มีเจตนาสร้างบรรยากาศที่เป็นภัยคุกคามต่อโลก หรือการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”
ทั้งนี้ คำกล่าวของเซเลนสกีเรื่องนิวเคลียร์ เกิดขึ้นระหว่างการสนทนากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ว่าหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เมื่อปี 2534 ยูเครนได้รับ “มรดก” เป็นคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่อันดับสามของโลก แต่รัฐบาลเคียฟลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดภายในอีก 3 ปีให้หลัง เนื่องจากได้รับ “การรับประกันความปลอดภัย” จากสหรัฐและรัสเซียตามกรอบ “บันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์” ซึ่งลงนามที่ฮังการี.
เครดิตภาพ : AFP