สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ว่า แรงกดดันจากประเทศคู่ค้าของอียู ตั้งแต่บราซิล ไปจนถึงสหรัฐ หรือแม้แต่จากมหาอำนาจของกลุ่มอย่างเยอรมนี ส่งผลให้คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ตัดสินใจเสนอให้ชะลอการใช้กฎระเบียบการตัดไม้ทำลายป่า เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา จากเดิมที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวระบุถึงการแบนสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ, โกโก้, ถั่วเหลือง, ท่อนไม้, น้ำมันปาล์ม, ปศุสัตว์, กระดาษสำหรับการพิมพ์ และยางพารา หากสิ่งของเหล่านี้ถูกผลิตโดยใช้ที่ดิน ซึ่งมีการตัดไม้ทำลายป่า หลังเดือน ธ.ค. 2563
#EUDeforestationLaw: The @EUCouncil greenlights the @EU_Commission proposal on postponing the application of the #EUDR rules.
— EU Council Press (@EUCouncilPress) October 16, 2024
This will give time to better trace the products sold in the EU back to the plot of land where they were produced.
Read more ????
แม้ประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ สนับสนุนการเลื่อนบังคับใช้กฎหมายข้างต้น แต่การดำเนินการจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภายุโรป (อีพี) ด้วย
“การเลื่อนบังคับใช้กฎระเบียบในครั้งนี้ จะช่วยให้ประเทศที่สาม, ประเทศสมาชิกอียู, ผู้ประกอบการ และผู้ค้า สามารถเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติตามพันธกรณีด้านการตรวจสอบวิเคราะห์” อีซี ระบุในแถลงการณ์
อนึ่ง บราซิล, สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย, แอฟริกา และลาตินอเมริกา ระบุว่า กฎระเบียบต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าของอียู จะผลักดันให้ต้นทุนการผลิตและการส่งออกสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรรายย่อย อีกทั้งกฎหมายดังกล่าว ก็ขาดแนวทางการดำเนินการเช่นกัน.
เครดิตภาพ : AFP