เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนมาจากครอบครัวของ นางดาว (นามสมมุติ) แม่ของ ด.ญ.ฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เด็กพิการสมาธิสั้น และ ด.ญ.ฝน (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 ว่า ลูกสาวทั้ง 2 คน ถูก นายแว่น (นามสมมุติ) อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ล่อลวงข่มขืน
นางดาว เล่าว่า ครอบครัวมีฐานะยากจน ตนมีลูก 4 คน คือ ด.ญ.ฟ้า ด.ญ.ฝน และลูกชายเล็กอีก 2 คน ที่บ้านมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเผาถ่านขาย อยู่บ้านไม้ 2 ชั้นที่ผุพัง โดยชั้นบนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ต้องนอนชั้นล่างใต้ถุนบ้าน ห้องน้ำก็ไม่มี ต้องอาศัยห้องน้ำวัดที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งสมัยก่อนเคยไปทำงานรับจ้างที่บ้านของ นายแว่น ผู้ก่อเหตุ มาก่อน แต่ตอนนั้นไม่มีอะไร ต่อมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ให้ลูกสาวทั้ง 2 คน ไปทำงานพิเศษหารายได้ โดยไปรับจ้างทำความสะอาดที่บ้านของ นายแว่น ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดอะไรกับลูกสาวทั้ง 2 คน จนกระทั่งเดือน เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ได้สังเกตเห็นว่าลูกสาวทั้ง 2 คน ไม่ค่อยอยากไปทำงานที่บ้านหลังดังกล่าว และชอบทะเลาะกัน จึงไปถามลูกว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ลูกสาวทั้ง 2 คน ก็จะเงียบ จนตนต้องขู่ว่าจะตีถ้าไม่ยอมเล่า ในที่สุดลูกสาวก็เล่าให้ฟังว่า ได้ถูก นายแว่น ข่มขืน บังคับให้ถอดเสื้อผ้า แล้ว นายแว่น ก็ถ่ายรูปภาพเปลือย และข่มขู่ว่าห้ามไปบอกใคร ไม่งั้นจะฆ่าพ่อกับแม่
นางดาว เล่าต่อว่า นายแว่น ได้ก่อเหตุข่มขืนน้องฝนก่อน และน้องฟ้า ก็ถูกล่อลวงข่มขืนประมาณ 4-5 ครั้ง ตนเลยพาลูกทั้ง 2 คน ไปแจ้งความที่ สภ.ค่ายบางระจัน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนรู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากไว้ใจเขามากถึงเขาไม่ใช่คนใน จ.สิงห์บุรี แต่ก็มาซื้อบ้านในพื้นที่กว่า 10 ปี ตนก็ยังเคยไปรับจ้างทำงานที่บ้านเขามาก่อน พอมารุ่นลูกตนก็ยังให้ไปรับจ้างต่อ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำกับลูกสาวเราแบบนี้
“พอรู้ว่าไปแจ้งความ ก็ต่อว่าหาว่าใส่ร้ายเขา เขาไม่ได้ทำ แต่ให้คนแถวบ้านมาเคลียร์ เอาตังค์มาให้ห้าหมื่น และรถเครื่อง 3 คัน จะยกให้ ให้จบเรื่องไปถอนแจ้งความ และให้ทนายมาขู่ถึงบ้านว่าทำอะไรเขาไม่ได้หรอก หลักฐานก็ไม่มี ให้สู้ถึง 5 ศาลก็ตาม นอกจากนี้ยังเคยส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊ก ส่งรูปที่นายแว่นนอนบนรถพยาบาลแล้วบอกว่า “ไม่ได้หนีนะ แต่อาการสุดท้ายอยากจะช่วย ที่พอดีๆ” ก็ได้บอกเขาว่าไม่ต้องการเงินของเขา อยากให้เขารับโทษจนถึงที่สุดที่เขากระทำกับลูกสาวของตนมากกว่า” นางดาว เล่า
สอบถาม ด.ญ.ฝน เล่าว่า ได้ไปรับจ้างตักแหนใส่บ่อปลาให้บ้านของ นายแว่น ทำความสะอาดภายในบ้าน โดยเขาอยู่กัน 3 คน มี นายแว่น น้องสาวนายแว่น และหลานของเขา โดยมีบ้านอยู่ 3 หลัง นายแว่น อยู่หลังกลาง ตอนนั้นหนูอายุ 12 ย่าง 13 โดยวันเกิดเหตุ นายแว่น ได้ใช้หนูไปปูผ้าที่นอนที่ห้องนอนเขา หนูหันมาเห็นเขาก็ตกใจ เขาได้ผลักตัวหนูลงไปบนที่นอน และขู่ว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เขาจะเอาคนที่บ้านเขามาฆ่าพ่อกับแม่ แล้วเอาหนูไปอยู่กับเขา หนูกลัวเลยไม่กล้าร้อง แต่ขณะที่เขากำลังจะกระทำชำรา พี่สาวหนูเข้ามาเห็นแล้วถามว่าทำอะไรกัน เขาเลยหยุด หนูเลยได้โอกาสผลักเขาแล้วรีบใส่เสื้อผ้าเดินออกมา ตั้งแต่นั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกเลย ต่อมาไม่นานพี่สาวหนูเขามาถามว่า หนูโดนเขาทำเหมือนกันไหม หนูถามว่าทำอะไร พี่สาวบอกว่าโดนตาแว่นทำเหมือนกันไหม พี่สาวก็บอกว่าโดนทำตอนที่เขาใช้หนูออกไปซื้อของ แล้วเขาก็จะเรียกพี่สาวหนูเข้าห้องไปข่มขืน ส่วนตัวหนูเห็นเองประมาณ 5 ครั้ง แต่มีมากกว่านั้นหรือเปล่า พี่สาวหนูก็ตอบไม่ได้ เนื่องจากพี่สาวเขาเป็นคนพิการทางสมอง หนูกับพี่สาวจะไม่ไปทำงาน ทางนายแว่น ก็ขู่ว่า ถ้าไม่มาจะเอาคนไปฆ่าพ่อกับแม่ พวกหนูเลยต้องไป จนผ่านมา 2 ปี พวกหนูเริ่มโต เริ่มทนกันไม่ไหวเลยเริ่มไม่ไปทำงาน เริ่มทะเลาะกันเรื่องจะบอกกับพ่อแม่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนแม่สังเกตเห็นและคาดคั้นเลยต้องบอกแม่ไป แล้วพ่อกับแม่ก็พาพวกหนูไปแจ้งความ
สอบถาม ด.ญ.ฟ้า เล่าว่า ตอนที่เกิดเหตุครั้งแรก เขาให้หนูขึ้นไปหาเขาบนห้องนอน และให้หนูถอดเสื้อก่อน และเขาก็ถ่ายรูปจากโทรศัพท์ และเขาก็ถอดกางเกงหนู แล้วเขาก็ขู่หนูว่าถ้าไปบอกพ่อกับแม่หรือใครก็ตาม จะฆ่าพ่อกับแม่ของหนู หนูกลัวเขา และก็ไม่อยากไปทำงานกับเขาอีก จนเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง และพ่อกับแม่พาไปแจ้งความ
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.ค่ายบางระจัน สอบถาม พ.ต.ท.ประพันธ์ จำปานวน สว. (สอบสวน) ร้อยเวรเจ้าของคดีนี้ โดยเบื้องต้นไม่อนุญาตให้ข้อมูล เนื่องจากเพิ่งได้หมายจับ และจะไปทำการตรวจค้นที่บ้านของ นายแว่น ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ในนี้ (16 ต.ค.) และจะนำตัวมาสอบปากคำ ส่วนเรื่องของผลตรวจของแพทย์ที่ได้ตรวจร่างกายของผู้เสียหายนั้น ได้ระบุว่า มีร่องรอยการถูกกระทำชำเราจริง โดยผู้สื่อข่าวจะติดตามและรายงานความคืบหน้าต่อไป.