จากกรณี “บอสพอล” หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ได้มาออกรายการ “โหนกระแส” เพื่อชี้แจงเรื่องต่างๆ ที่สังคมกำลังสงสัยเกี่ยวกับการทำธุรกิจซึ่งมีช่วงหนึ่งที่ “บอสพอล” ยอมรับว่า “คลิปเสียงที่มีการพูดกับทีมงาน ซึ่งมีการกล่าวถึง “เทวดา” ที่ดูแลสคบ. รวมไปถึงคลิปเสียงที่สนทนากับบุคคลหนึ่งที่อ้างว่า…มีอำนาจดึงให้ “ประทีป” ขึ้นเป็นรองเลขา คอยดูแล “บอสพอล” และหากวันหนึ่งอยากจะผลักดันให้ใครเป็นเลขาก็ทำได้ หากเราตั้งมันแล้วมันก็จะฟังเรายังกับ “XXX” เดินตามตุ๊กแต๊กตุ๊กแต๊ก นั่นคือสิ่งที่ “บอสพอล” ต้องเข้าใจว่าต้องเป็นเบอร์ 1…” ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาว่า บุคคลที่ถูกเอ่ยชื่อมานั้นเกี่ยวข้องกับ “บอสพอล” จริงหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 ในรายการ โหนกระแส ทางช่อง 3 โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 9 มาร่วมพูดคุยในรายการ โดย พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า ที่มาออกรายการไม่ใช่ต้องการฟอกตัว โดยเมื่อปี 61 เป็นคนทำเรื่องตรวจสอบ บริษัท “ดิไอคอน กรุ๊ป” ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะย้ายไปในปี 62 และไม่ได้ข้องเกี่ยวกับกองที่ดูแลเรื่องธุรกิจขายตรงอีกเลย และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการมอบโล่ใด ๆ ด้วย ดังนั้นคลิปแรกที่อ้างว่ามีการเซ่นเทวดา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนแน่นอน
หนุ่ม กรรชัย ถามว่า ตามความเข้าใจของท่านเอง ในฐานะที่เป็นรองเลขาธิการสคบ. ซึ่ง “พอล” ได้พูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้พูดถึงมนุษย์หรือคน ท่านฟังแล้วตามวิญญูชน ท่านมองว่ายังไง ทาง พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า อย่างที่คุณพอล อธิบาย คือมีแนวทางที่จะดูแลส่วนราชการบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าระบบตรงนี้มันจะยังมีอยู่ในสังคมไทย แต่ว่ามันไม่เกี่ยวกับ สคบ. หรือผมแน่นอน และต้องเรียนว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับ สคบ.ด้วย ที่นำมาถูกกล่าวอ้าง เพราะเป็นองค์กรที่โปร่งใสพอสมควร ภาพลักษณ์ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งตรงนี้อาจมีส่วน ๆ หนึ่งหากเกี่ยวข้องก็จะเป็นส่วนเล็ก ๆ สังคมก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ซึ่งทุกองค์กรมันจะมีคนดีและไม่ดี ทั้งนี้หนุ่ม กรรชัยถามย้ำว่า คลิปเทวดานั้น ท่านมองว่า ไม่ใช่เรื่องบูชาเทวดาจริงแต่เป็นเรื่องติดสินบนคนในองค์กร ซึ่งทาง พ.ต.อ.ประทีป ตอบว่าใช่ครับ
สำหรับในคลิปที่ 2 ซึ่งมีการเอ่ยชื่อ “ประทีป” นั้น พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า สำหรับคลิปนี้ยังไม่มีผู้ใดยืนยันว่า เป็นคลิปของใคร หากเป็นเสียงคล้ายกับบุคคลใด ซึ่งเขาก็ปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่เสียงของเขา แต่ถ้าถามว่าบุคคลที่ตกเป็นข่าวตนรู้จักไหม ก็ต้องยอมรับว่ารู้จัก เพราะเสียงคุ้น เพราะผมเป็น ผอ.กองทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องแชร์ลูกโซ่ซึ่งทำไว้หลายคดี และปรากฏว่าบุคคลคนนี้ ก็มีส่วนช่วยในการปราบปรามด้วย
สำหรับเรื่องรูปถ่าย “คุณพอล” เคยมา 2 ครั้ง ไม่สนิทหรือรู้จักเป็นการส่วนตัว มาครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 61 มายื่นขอหารือเพื่อให้สคบ.ตอบกลับ ซึ่งหลังจากนี้ 1 เดือน ตนก็ทำเรื่องตรวจสอบ เพราะพฤติกรรมเข้าข่ายความผิด 3 หน่วย ส่วนอีกครั้งมาเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ปี 65 ซึ่งไม่ได้พบตนคนเดียวแต่ไปพบผู้บริหารหลาย ๆ คนด้วย ทั้งนี้ตอนที่มารอบ 2 ตนจำ “คุณพอล” ไม่ได้เพราะหน้าเปลี่ยนไปมาก ตนยืนยันว่าไม่เคยไปร่วมกิจกรรมใด ๆ กับ “คุณพอล” เลย
หนุ่ม กรรชัย ถามว่า ท่านเคยรับประโยชน์จากบุคคลเหล่านี้เกิน 3 พันบาทหรือไม่ พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า ไม่มี ตนเป็นคนชัดเจน หากใครจะให้ของสวัสดีปีใหม่ ต้องถามก่อนว่าเกิน 3 พันบาทหรือไม่ ยืนยันชัดเจน ส่วนคลิปที่เอาชื่อตนไปอ้างบอกชื่อตำแหน่งรองเลขาฯ ตรงนี้ตนมองว่า คนที่เอาชื่อไปแอบอ้างเป็นลักษณะของคนที่ต้องการหาผลประโยชน์ ซึ่งเขาไม่มีอำนาจหน้าที่อะไรที่ดันตนได้ ตนเป็นคนมีอุดมการณ์ทำอะไรถูกต้องตรงไปตรงมา
ด้าน นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ หรือ “อาจารย์มิว” ที่ปรึกษากรรมาธิการการเงินการคลัง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนในฐานะที่ต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานหลายฝ่าย พบเห็นเรื่องการแอบอ้างบ่อย หรือแม้แต่รายการ “โหนกระแส” ก็มักมีคนไปแอบอ้างว่า จะพาไปพบหนุ่ม กรรชัย เพื่อออกรายการ เช่นเดียวกับ กรณีของ คุณประทีป ที่มีการเอาชื่อไปอ้าง ซึ่งคุณประทีปเอง อาจไม่รู้เรี่องอะไรเลยก็ได้ ตรงนี้มันทำให้ข้าราชการเสื่อมเสีย
สำหรับเสียงสนทนาผ่านโทรศัพท์ ตามหลักการแล้วคนที่สามารถบันทึกเสียงได้ก็มีเพียง 2 ฝ่าย ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง แต่คนที่เรียกรับเงิน 1 แสนแล้วอยากได้เงินเพิ่ม เขาอยากจะนำคลิปมาเปิดเผยไหม? ถ้าไม่ใช่ตัวเขาเปิดเผย อีกฝ่ายคือใคร อีกฝ่ายคือ “คุณพอล” ถ้าหากนำคลิปมาเปิดเผยจะได้ประโยชน์อะไร อันนี้เป็นการตั้งคำถาม “คุณพอล” อาจจะไม่เกี่ยวก็ได้ ดังนั้นคำถามคือหาก “คุณพอล” เป็นฝ่ายบันทึกไว้เอง จะได้ประโยชน์อะไรจากคลิปนี้ กรณีหากมีการวางแผนนำเอาคลิปมาปล่อยก็อาจเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นในการสอบสวนข้อเท็จจริง ทำให้พวกเราเสียเวลาซักถาม “คุณประทีป” แทนที่เราจะไปซักถามคนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วขบวนการนี้มันทำงานกันยังไง?
“อาจารย์มิว” ยังระบุด้วยว่า การปล่อยคลิปดังกล่าว อาจเป็นการส่งสัญญาณไปยังข้าราชการต่าง ๆ ว่า “…ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน มันจะมีคลิปเธอหลุดออกมา…” จึงอยากให้ทุกคนตั้งสติว่า คลิปเสียงแบบนี้มันทำให้เกิดความเสื่อมเสียของข้าราชการคนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว ข้อดีของคลิปเสียงนี้อย่างหนึ่งคือ มันบอกว่าสังคมของเรามีเรื่องเน่าเฟะแบบนี้จริง ๆ มีคนที่เรียกร้อง ร้องตบทรัพย์ ผมเลยตั้งคำถามในเฟซบุ๊กของผมว่า “…นี่ขนาดเป็นดิไอคอน จะเป็นนักร้องเรียก 30 ล้าน แล้วถ้าเป็นนักร้องรายอื่น ๆ เช่นไปยุบพรรคการเมือง ล้มรัฐบาล จะเรียกสักเท่าไร…” ทุกวันนี้การไปร้องเรียนตามหน่วยงานราชการมันเต็มไปหมด ถามว่าร้องด้วยความสุจริตใจมันก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ร้องเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ค่าตอบแทน เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก หวังว่าคดี ดิไอคอน จะเป็นการตั้งสติว่า นักร้องทั้งหลาย เขาร้องเพื่อใครกันแน่
พ.ต.อ.ประทีป กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ตนจะไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะดำเนินคดี เพราะเกิดความเสียหายและหลายคนเข้าใจตนผิด ไปเข้าใจว่าตนเป็นเทวดา รับผลประโยชน์ ทำให้ทาง หนุ่ม กรรชัย และกัน จอมพลัง พร้อมใจกันบอกว่า หากไปแจ้งความจะเดินทางไปด้วยแน่นอน.
ขอบคุณภาพและข้อความจาก รายการโหนกระแส